InnovestX คาด SET มี Downside จำกัด มีแนวรับบริเวณ 1,435 และ 1,430 จุด ลุ้นมีโอกาสฟื้นตัว จากปัจจัยหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(18พ.ย.) คาดดัชนีมี Downside จำกัด โดยมีแนวรับบริเวณ 1,435 และ 1,430 จุด ตามลำดับ เป็นจุดลุ้นฟื้นตัวกลับ โดยมีปัจจัยหนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ติดตามประชุมบอร์ดในวันที่ 19 พ.ย. และดอลลาร์ชะลอแข็งค่า ช่วยลดแรงกดดันด้าน Fund Flow ไหลออก ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,450-1,460 จุด หากขึ้นทะลุผ่าน จะเห็นการฟื้นตัวชัดขึ้น ประเด็นสำคัญวันนี้ ติดตามตัวเลข GDP ไทย ใน 3Q67
ประเด็นสำคัญ
• รมช.คลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจวันที่ 19 พ.ย.นี้ อาทิ แจกเงินหมื่นแก่กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่ซ้ำซ้อนกับเฟสแรก แก้หนี้ภาคประชาชน และของขวัญปีใหม่ในช่วงปลายปีนี้
• จีนเผยโรงกลั่นน้ำมันของจีน ต.ค. กลั่นน้ำมันดิบลดลง 4.6%YoY จากการปิดโรงงานและอัตราดำเนินการที่ลดลงทในโรงกลั่นน้ำมันอิสระขนาดเล็ก การขยายตัวของผลผลิตโรงงานชะลอตัวลง และปัญหาอุปสงค์ภาคอสังหายังไม่เห็นสัญญาณดีขึ้น
• ว่าที่ปธน. สหรัฐฯ เผยจะเสนอชื่อนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์เป็น รมว. สาธารณะสุขและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนักรณรงค์ต่อต้านวัคซีน ทำให้ราคาหุ้นผู้ผลิตวัคซีนและอาหารบรรจุภัณฑ์ปรับลง
• สรท. กล่าวต่อกรณีบาทอ่อนค่ารวดเร็วว่าเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกและแนะนำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจากความผันผวน โดยประเมินค่าเงินบาทที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 34-35 บาทต่อดอลลาร์
• แหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลเผยรายชื่อบอร์ดไตรภาคีลงตัวแล้ว โดยอยู่ระหว่างเสนอครม. พิจารณา และคาดจะสามารถเรี่มต้นประชุมได้ภายในต้นเดือน ธ.ค. เพื่อพิจารณาการขึ้นค่าแรง 400 บาท/วันทั่วประเทศ
• Berkshire Hathaway เผย 3Q67 ได้เข้าลงทุน Domino Pizza และ Pool Corp และถอนการลงทุนจาก Apple และ Bank of America ขณะที่ถือครองเงินสดราว 3.25 แสนล้านดอลลาร์และหยุดโครงการซื้อหุ้นคืนที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 2561• รัสเซียได้หยุดส่งก๊าซฯ สู่ยุโรปผ่านออสเตรียราว 17 ล้านลบ. ม. ต่อวัน หรือ 5% ของปริมาณการนำเข้าสู่ยุโรปทั้งหมดตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมาเนื่องจากข้อพิพาทเรื่องการชำระเงิน
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway ปัจจัยต่างประเทศค่อนข้างจำกัดหลังตลาดรับรู้ปัจจัยบวกจากนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่แล้ว สะท้อนจากผลตอบแทนและกระแสเงินที่ไหลเข้าหุ้นกลุ่มการเงินและหุ้นขนาดเล็กของสหรัฐฯ รวมถึงกระแสเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้น EM และตลาดหุ้นจีนจาความกังวลนโยบายปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศมองอยู่ในช่วงปรับประมาณการของบจ. และกำไรตลาด หลังภาพรวมกำไรของ SET 3Q67 อ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ อีกทั้งมีประเด็นต้องติดตามจากบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมหารือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในวันที่ 19 พ.ย. และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องคดียุบพรรคเพื่อไทยในวันที่ 22 พ.ย.นี้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Top Picks
BBL: เป็นหุ้นที่เราแนะนำซื้อเพียงตัวเดียวในกลุ่มธนาคาร โดยมองมีปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้นจาก 1) Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มธนาคาร 2) Credit Cost มีแนวโน้มปรับตัวลดลง พร้อมกับมี Upside จาก THAI 3) สินเชื่อมีแนวโน้มเติบโตสูงที่สุดในกลุ่ม 4) มี Upside สำหรับ NIM และ 5) มีความเป็นไปได้สูงหรือมี Upside ที่จะปรับอัตราการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น
CPAXT: มองเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์หลักของกลุ่มพาณิชย์จากการเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาล ขณะที่ 4Q67 คาดจะเป็นจุดสูงสุดของกำไรปีนี้ โดยจะเติบโต QoQ ตามผลฤดูกาล และ YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น ทั้งนี้ภายหลังควบรวมกิจการ Synergy จะเริ่มมีให้เห็นใน 4Q67 และชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางปี 2568