เงินบาทเช้านี้ “แข็งค่าขึ้นมาก”เปิดที่ 34.60 บาท/ดอลลาร์ กรุงไทย มองกรอบวันนี้ คาดจะอยู่ที่ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์ รอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง BOE ECBและเฟด
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.60 บาท/ดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นมาก” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.85 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง (กรอบการเคลื่อนไหว 34.53-34.87 บาทต่อดอลลาร์) หนุนโดยการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ราว +30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สู่โซน 2,610-2,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กลับมาทวีความร้อนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะหลังล่าสุด ทางการสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ระบบอาวุธ ATACMS (MGM-140 Army Tactical Missile System) โจมตีเป้าหมายในดินแดนรัสเซีย เฉพาะในพื้นที่ Kursk Oblast เท่านั้น (ติดชายแดนทางเหนือของยูเครน ไม่ห่างจากเมืองหลวง Kyiv และเมืองสำคัญอย่าง Kharkiv) ซึ่งการอนุมัติดังกล่าวของทางการสหรัฐฯ ก็ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างกังวลว่า สถานการณ์สงครามเสี่ยงบานปลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ นอกจากนี้ ความกังวลดังกล่าวยังได้สะท้อนผ่าน การปรับตัวขึ้นของราคาพลังงานเช่นกัน นอกจากนี้ เงินบาทยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา ทว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงแถวโซนแนวรับ 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ในจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น รวมถึงอาจมีโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง น้ำมันดิบด้วยเช่นกัน หลังราคาน้ำมันดิบเริ่มกลับมาปรับตัวขึ้น และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อได้ ตามความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ร้อนแรงอยู่
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และเฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักดังกล่าว โดยเรามองว่า ควรจับตาถ้อยแถลงของผู้ว่าการ BOE ในช่วง 17.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากล่าสุด ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า BOE จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งหาก BOE ส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็อาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) มีโอกาสอ่อนค่าลงได้
นอกเหนือจากถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลักดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กลับมาเป็นประเด็นความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่ร้อนแรงอีกครั้ง รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทเริ่มอ่อนกำลังลงมากขึ้น สอดคล้องกับ Call Short-term USDTHB peak ของเราเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้ หากราคาทองคำสามารถปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในช่วงนี้ เรามองว่า ราคาทองคำอาจได้แรงหนุนจากสถานการณ์ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ อย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ทว่า ราคาทองคำก็อาจเผชิญแรงกดดันได้ หากผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot พอสมควร ซึ่งจะขึ้นกับรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ที่จะทำให้ผู้เล่นในตลาดปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้
อนึ่ง แม้ว่าเงินบาทจะเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ทว่าการแข็งค่าของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด ตราบใดที่บรรดานักลงทุนต่างชาติยังเดินหน้าทยอยขายสินทรัพย์ไทย นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็อาจยังพอได้แรงหนุน ในกรณีที่บรรดาธนาคารกลางหลักอื่นๆ โดยเฉพาะ BOE ยังส่งสัญญาณพร้อมทยอยลดดอกเบี้ยต่อได้ ซึ่งอาจกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่าลง ทั้งนี้ หากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับสำคัญ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสสูงที่จะกลับตัวเข้าสู่แนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องได้ หากประเมินจากกลยุทธ์ Trend Following
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.70 บาท/ดอลลาร์