A5 โชว์ศักยภาพธุรกิจครบ 11 ปี เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ย้ำแผนขยายโครงการแนวราบระดับลักชัวรี 3 ปีต่อเนื่อง รวมมูลค่า 8,300 ล้านบาท ปี 69-70 พร้อมรุกตลาดบ้านหรูพัทยา-ภูเก็ต ราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป ล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดิน มั่นใจตลาดอสังหาฯ ลักชัวรียังโตสูง ตั้งเป้ารายได้แตะ 5,000 ล้านบาท ในปี 70 ปี 68 เตรียมเปิดตัวโครงการ “แซงค์ รอยัล เดอะ เอททีน บางนา” มูลค่ารวม 1,650 ล้านบาท ด้านโครงการ วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์ กวาดยอดขายแล้วกว่า 70% ของเฟสที่เปิดขาย ตุนแบ็กล็อกแน่น 900 ล้านบาท หนุนรายได้โตตามเป้าที่วางไว้
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยถึง ภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีว่า ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการแข่งขันหันค่อนข้างมาก และมีซัปพลายที่มากในบางทำเล อาทิ ราชพฤกษ์ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แต่ละผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับตัวและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับภาวะของสถานการณ์ในช่วงนั้นๆ แต่หากมองถึงกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าระดับบนถือว่ายังดี และไม่มีความกังวลในเรื่องของการถูกปฏิเสธสินเชื่อ เพราะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง อีกทั้งทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับลดลง การท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคัก ภาพรวมของตลาดหุ้นที่กลับมาดี ทำให้ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงมีความมั่นใจมากขึ้น และส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท
“จากที่มีกระแสผู้ประกอบการหลายรายหันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับบน ซึ่งกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อและส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด เพื่อเลี่ยงปัญหาลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง มองว่าแม้กลุ่มตลาดดังกล่าวจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น จากการที่มีการมองว่าตลาดนี้อาจจะเกิด Over Supply แต่ก็ เป็นในบางทำเลเท่านั้น ซึ่งลูกค้าในกลุ่มนี้ จะนิยมซื้อบ้านโดยเลือกทำเลที่สะดวกสำหรับการใช้ชีวิต สำหรับ A5 การพัฒนาโครงการจะเลือกทำเลและแบบบ้านที่มีความยูนีค และพัฒนาโครงการในขนาดที่ไม่ใหญ่มาก พื้นที่โครงการโดยเฉลี่ย 5-10 ไร่ เพื่อให้ Turn Over กลับมาเร็ว และไม่มีปัญหาเรื่องสต๊อกเหลือขาย จึงคาดว่าจะไม่มีปัญหาในการพัฒนาโครงการบ้านในระดับบน ซึ่งบริษัทมีความชำนาญ” นายศุภโชค กล่าว
นายศุภโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในส่วนของ A5 ยังคงเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเป้าหมายการดำเนินงานที่ชัดเจนมาตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาจะไม่ได้ราบรื่นนัก แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มลักชัวรี ยังคงเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้โครงการต่างๆ ของบริษัทยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ โดยบริษัทยังคงสร้างรายได้ และกำไรเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทผ่านหลักเกณฑ์สามารถย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้สำเร็จ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา เป็นการตอกย้ำศักยภาพธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างดี และได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้ถือหุ้นและนักลงทุน
ด้านความคืบหน้าในการรุกตลาดหัวเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา และ ภูเก็ต นั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน ขนาดประมาณ 10-50 ไร่ เพื่อพัฒนาโครงการบ้านหรูระดับลักชัวรี ระดับราคา 1-5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 30 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งบริษัทฯนั้นพร้อมที่จะเปิดทางเลือก หากมีผู้สนใจจะร่วมทุนพัฒนาโครงการ หรืออาจจะเป็นการพัฒนาเอง 100% หรือหากมีการลงทุนในรูปแบบของโรงแรม ก็อาจจะเน้นเป็นการเช่าที่ดินเพื่อมาพัฒนาเป็นโครงการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่จะเข้ามาช่วยเสริมรายได้ประจำ และสร้างรายได้ใหม่เข้ามาให้กับบริษัท โดยทั้ง 2 จังหวัดนี้เป็นแผนการพัฒนาในปี 2569-2570
ด้านแผนการดำเนินงาน พร้อมเดินหน้าตามแผนเปิดโครงการแนวราบระดับลักชัวรีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตามแผนระยะเวลา 3 ปี (พ.ศ.2567-259) จะพัฒนาทั้งสิ้น 6 โครงการ รวมมูลค่า 8,300 ล้านบาท ซึ่งปี 2567 ได้เปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ คือ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์”( VANA Ratchapruek-Westville) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
ปี 2568 เปิดตัว 2 โครงการ คือ “แซงค์ รอยัล เดอะ เอททีน บางนา” (CINQ ROYAL The Eighteen Bangna) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 120 -276 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยมากถึง 748 - 1,070 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแบบ Multi-Generation ทั้งยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน มีความเป็นส่วนตัวสูง Exclusive Gated Community คาดพร้อมเปิดให้เข้าชมโครงการอย่างเป็นทางการครั้งแรกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2568 ส่วนอีก 1 โครงการ จะเป็นบ้านหรู แบรนด์ใหม่ ในทำเลกรุงเทพฯ โซนตะวันออก มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท ส่วนปี 2563 จะเปิดตัวอีก 3 โครงการ ขณะนี้มีที่ดินรองรับเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นทำเลกรุงเทพฯโซนตะวันออก 2 โครงการ และกรุงเทพฯโซนตะวันตก 1 โครงการ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในขณะนี้
บริษัทฯจะมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบระดับลักชัวรี ภายใต้ แบรนด์ VANA , CINQ ROYAL และ บ้านหรูแบรนด์ใหม่ บนทำเลศักยภาพ ย่านศูนย์กลางธุรกิจ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่อยู่อาศัยในด้านต่างๆ ได้แก่ การเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้โครงการใหม่ได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ภายใน ปี 2570 ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 900 ล้านบาท (ณ พฤศจิกายน 2567) จากโครงการ “แซงค์ รอยัล กรุงเทพกรีฑา” (CINQ ROYAL Krungthep Kreetha), โครงการ “วนา ราชพฤกษ์-เวสต์วิลล์” (VANA Ratchapruek-Westville) ที่เปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/2567 มียอดขายแล้วกว่า 70% ของเฟสที่เปิดขายซึ่งคาดว่าทุกโครงการจะสามารถทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้เพิ่มเติมตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป
โดยที่บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทในปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,000 ล้านบาท โดยที่บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2567 และไตรมาส 1/2568 ส่วนในปี 2568 ได้วางงบซื้อที่ดินไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อที่ดินใหม่ โดยที่บริษัทยังมีความมั่นใจในฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีหนี้สินที่อยู่ไนระดับต่ำ และมีสภาพคล่องที่ดี
“เรายังคงเดินหน้าในการสร้างการเติบโตไปตามเป้าหมายรายได้แตะ 5,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 โดยมาจากปัจจัยขับเคลื่อนของธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย ที่จะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนให้รายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยที่ยังคงเน้นการพัฒนาโครงการบ้านลักชัวรี ในระดับราคา 25 ล้านขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่เข้ามาซื้อโครงการที่ A5 พัฒนา ทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นลำดับต้นๆของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและหลังจากปี 2569 จะเริ่มเห็นการพัฒนาโครงการในระดับราคาต่ำกว่า 25 ล้านบาทลงมา เนื่องจากจะมีการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ใหม่เข้ามาให้กับบริษัทฯมากขึ้น”นายศุภโชค กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืน ด้วยการสร้างสรรค์โครงการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ ทั้งด้านการอยู่อาศัย คุณภาพชีวิต และดำเนินงานตามหลักการ Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) หรือ ESG อย่างจริงจัง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าลดความเป็นกลางทางคาร์บอนจากกระบวนการก่อสร้างต่างๆภายในปี 2593 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2608 เพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นหุ้นยั่งยืนในอนาคต โดยในโครงการ “แซงค์ รอยัล เดอะ เอททีน บางนา” (CINQ ROYAL The Eighteen Bangna) ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ จะมีการติดตั้งSollar Cell ทุกหลัง เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า และช่วยลดโลกร้อน จากภาวะการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้าเพื่อนำมาใช้ในครัวเรือน