ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 34.75 บาท/ดอลลาร์ "อ่อนค่าเล็กน้อย"กรุงไทยแนะ จับตาถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก และติดตามสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน มองกรอบเงินบาทวันนี้ 34.50-34.85 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.75 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.66 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อยในลักษณะ Sideways Up (กรอบการเคลื่อนไหว 34.61-34.77 บาทต่อดอลลาร์) หลังเงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงราว 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย หนุนโดยแรงขายสกุลเงินฝั่งยุโรป ทั้งเงินยูโร (EUR) และเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หลังถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงทำให้ ผู้เล่นในตลาดต่างเชื่อว่า ECB มีโอกาสที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องได้พอสมควร ขณะที่เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน นอกจากนี้ สกุลเงินฝั่งยุโรปยังเผชิญแรงกดดันจากความกังวลต่อสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งความกังวลดังกล่าว กอปรกับความต้องการใช้พลังงานในช่วงฤดูหนาวก็มีส่วนหนุนให้ราคาแก๊สธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น และเป็นอีกปัจจัยที่กดดันสกุลเงินยุโรป
อย่างไรก็ดี เงินบาทยังคงไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์ อย่างชัดเจน หลังราคาทองคำ (XAUUSD) ยังคงปรับตัวขึ้นต่อบ้าง สู่โซน 2,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ตามความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่ตลาดกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนี้ ความต้องการถือเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และถ้อยแถลงของผู้ว่าฯ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ย้ำว่า BOJ จะประเมินข้อมูลรอบด้าน โดยเฉพาะผลกระทบต่อเศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อจากความผันผวนของค่าเงิน ในการดำเนินนโยบายการเงิน ได้ช่วยหนุนเงินเยนญี่ปุ่นและชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ได้บ้าง (อนึ่ง ในช่วงเช้าของวันนี้ เงินเยนญี่ปุ่นได้แข็งค่าขึ้นสู่โซน 154 เยนต่อดอลลาร์ หลังอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI ของญี่ปุ่น อยู่ที่ระดับ 2.3% สูงกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดคงมองว่า BOJ มีโอกาสราว 63% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้)
สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและภาคการบริการ (Manufacturing and Services PMIs) ในเดือนพฤศจิกายนของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งจะทยอยรับรู้จากฝั่งญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ ไปจนถึงสหรัฐฯ โดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวอาจสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ และอาจมีผลต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางหลักได้ นอกจากนี้ ในฝั่งอังกฤษ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนตุลาคม ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก พร้อมทั้งติดตาม สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงร้อนแรงอยู่ในช่วงนี้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์ในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจกดดันให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้าน 34.70-34.80 บาทต่อดอลลาร์ได้ ทว่า เงินบาทอาจยังไม่ได้อ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านดังกล่าวไปได้ไกลนัก ตราบใดที่ราคาทองคำยังสามารถปรับตัวสูงขึ้นต่อได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็แกว่งตัว Sideways อีกทั้ง เราเริ่มเห็นการทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติเพิ่มเติม ซึ่งอาจช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี แรงกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่าก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่ยังคงได้แรงหนุนจากมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าบรรดาธนาคารกลางหลักอื่นๆ (ยกเว้นธนาคารกลางญี่ปุ่น) รวมถึงแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อสกุลเงินต่างประเทศ อย่าง เงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) หลังเงินเยนญี่ปุ่นเริ่มทยอยแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทในช่วงนี้
ทั้งนี้ เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ โดยเฉพาะในส่วนของรายงานดัชนี PMI ของสหรัฐฯ โดยเรามองว่า ในกรณีที่ดัชนี PMI ของสหรัฐฯ นั้นออกมาดีกว่าคาด ก็อาจหนุนให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อได้บ้าง แต่อาจไม่มากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดได้รับรู้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดที่อาจน้อยกว่า Dot Plot เดือนกันยายน ไปมากแล้ว แต่หากดัชนี PMI ออกมาแย่กว่าคาด ก็อาจกดดันทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้พอสมควร โดยในกรณีดังกล่าว อาจเห็นเงินบาทแข็งค่าขึ้นเข้าใกล้โซนแนวรับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้เช่นกัน
ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.50-34.85 บาท/ดอลลาร์