news-details
Business

“Yakiniku Like”ประกาศแผน 5 ปี รุกขยายร้านในไทย 30 สาขา และประเทศกลุ่ม CLMV ล่าสุดผุดสาขาที่ 15 ณ วันแบงค็อก รองรับได้ 75 ที่นั่ง ตั้งเป้ายอดขายปี’67 โต 15%

Yakiniku Like ร้านยากินิกุสไตล์ Fast Casual แห่งแรกจากประเทศญี่ปุ่น เปิดแผน 5 ปี ขยาย 30 สาขาในพื้นที่กทม.-ปริมณฑล ล่าสุด 3 ปี เปิดตัวแล้ว 14 สาขา ชูจุดขายบริการเสิร์ฟรวดเร็วใน 3 นาที พร้อมเตาย่างไร้ควันและระบบฟอกอากาศที่ไม่ทำให้กลิ่นเนื้อย่างติดเสื้อผ้า ล่าสุดเตรียมเปิด สาขาที่ 15 ณ วันแบงค็อก พื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 จากทุกสาขา ปลื้มรูปแบบการให้บริการ-เนื้อสัตว์ตอบโจทย์ลูกค้า ปี 68 จ่อขยายแฟรนไชส์ไปกัมพูชา และอนาคตเล็งรุกต่อ สปป.ลาว ตามแผนขยายฐาน CLMV ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโต 15% และ 20% ในปีหน้า

 

นางสาวทิพย์สุดา อเนกวัชรากรณ์ - Marketing Manager (Thailand Market) Marketing lead ในส่วน Product และ Communication ร้านยากินิกุสไตล์ Fast Casual แห่งแรกจากประเทศญี่ปุ่นภายใต้การบริหารโดยบริษัท MX Japanese Food Concepts (Thailand) Co., Ltd. แบรนด์ Yakiniku Like และในประเทศไทยบริหารโดย บริษัท เอ็มเอ็กซ์ แจแปน นิส ฟู้ด คอนเซ็ปต์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า รูปแบบการรับประทานในรูปแบบฮิโตริได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่น ในขณะที่คนไทยยุคก่อนๆ ก็จะยังมีความเขินอายที่นั่งรับประทานอาหาร ทานข้าวคนเดียว หากเป็นอาหารประเภทปิ้งย่าง ยิ่งมีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ ลำบาก Yakiniku Like จึงตีโจทย์ดังกล่าว ด้วยการพัฒนาอาหารประเภทปิ้งย่างที่สามารถรับประทานคนเดียวได้ สอดรับกับพฤติกรรมของบริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป สามารถทางปิ้ง ย่างคนเดียวได้ โดยการรุกตลาดในประเทศไทย บริษัทตั้งเป้าภายใน 3 ปี จะเปิดให้ได้ 15 สาขา และ 30 สาขาภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งในช่วงแรกจะเน้นขยายสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ก่อน โดยตั้งเป้าเปิดเฉลี่ยปีละ 5-6 สาขา ซึ่งแต่จะสาขาที่จะเปิดตัว จะต้องได้รับการพิจารณาจากบริษัทแม่ที่ฮ่องกงก่อน โดยในช่วงปีแรก(2564)ตั้งเป้าจะเปิด 3 สาขา แต่ก็สามารถเปิดตัวได้ 5 สาขา ที่ผ่านมาเปิดให้บริการแล้วทั้งสิ้น 14 สาขาถือว่ากระแสตอบรับดีมาก ล่าสุดจึงได้เปิดสาขาที่ 15 ที่ “วันแบงค็อก” พื้นที่ใช้สอย 160 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้ 75 ที่นั่ง โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 นี้ ถือว่าเป็นสาขาที่มีพื้นที่เป็นอันดับ 3 โดยสาขาที่เซ็นทรัลเวิลด์ จะมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก พื้นที่ 220 ตารางเมตร รองรับได้ 100 ที่นั่ง แต่สาขาที่ขายดีสุดคือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว รองรับได้ 70 ที่นั่ง และเมกา บางนา รองรับได้ 70 ที่นั่ง โดยที่ผ่านมาแต่ละสาขาสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 5 ล้านบาท/เดือน      

ทั้งนี้ทางบริษัทฯได้มองหาทำเลใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อที่เปิดสาขาเพิ่มขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง เมื่อเราเล็งเห็นโอกาส"โดยที่กลุ่มเป้าหมายหลัก ๆ คือ Young adult & First jobber ที่มีความเป็นตัวเองสูงสามารถที่จะเลือกบริโภคตามความต้องการของตัวเองได้ชัดเจน และจุดขายที่เน้นย้ำมากที่สุดคือ กลิ่นของเนื้อย่างที่ติดตัว เช่นการ รับประทานปิ้ง ย่างในมื้อกลางวัน หรือไปกับที่ทำงาน มีงานต่อ มีประชุมต่อ ถูกจำกัดว่ามันมีกลิ่น กินแล้วต้องกลับบ้านเลย หรือต้อง กินเป็นมื้อเย็น กลางคืนเท่านั้น จึงได้มีการพัฒนาติดตั้งระบบเครื่องดูดควันแบบ 2 ระบบ ใช้ของทางห้างและร้านทำเพิ่ม ที่มั่นใจว่าในระยะเวลา 60 นาทีที่นั่งรับประทาน จะไม่มีกลิ่นติดตัว ทำให้สามารถที่จะกินปิ้งย่างแล้วสามารถออกไปใช้ชีวิตต่อได้เลย ทำงานต่อได้

คาแรคเตอร์ของแบรนด์ที่ชัดเจนที่สุดคือความเข้าถึงง่าย Yakiniku Like จึงมีบรรยากาศสไตล์การออกแบบตกแต่งของ ร้านในคอนเซปต์ Homey Modern Japanese ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นกันเองสามารถนั่งทานคนเดียวได้อย่างไม่รู้สึกเดอะเขินแต่อย่างใด อีกทั้งราคาต่อเซ็ตอยู่ในเรทที่ไม่ได้สูงมาก สามารถกินคนเดียวได้ใน เซตเมนูที่ครบจบในมื้อในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายเริ่มต้น 169 บาท จากเดิมที่เปิดสาขาในช่วงแรก ราคาอยู่ที่ 179 บาท/เซ็ต ซึ่งที่ผ่านมาได้แบกรับคอร์สต้นทุนที่เพิ่งสูงขึ้นมาโดยตลอด และเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการปรับราคาอาหารขึ้นมาประมาณ 3% แต่ขายในราคาที่ถูกลง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ประกอบกับปัจจุบันต้นทุนวัตถุดิบมีราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะเนื้อวัวที่นำเข้าจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา,ออสเตรเลีย,อาร์เจนตินา และญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นการนำเข้าจากสหรัฐฯมากที่สุดถึง 70% แต่ปัจจุบันลูกค้าในประเทศต้นทางก็มีความต้องการบริโภคเนื้อวัวสูง ดังนั้นจึงต้องปรับส่วนผสมของราคาอาหารให้ถูกลง  เริ่มจากเนื้อ ที่สามารถเลือกได้ ข้าวที่เลือกน้ำหนักเองได้โดยไม่คิดเงินเพิ่ม เครื่องเคียงที่เลือกได้ และซุปสาหร่าย ก็สามารถรับประทานเนื้อพรีเมียมได้แล้ว สามารถรับประทานได้บ่อยขึ้น

“ที่ผ่านมามีลูกค้าที่มารับประทานอาหารในร้านสาขาของเราซ้ำกันถึง 30% และมารับประทานมากว่า 2 ครั้ง/เดือน บางรายมาใช้บริการสูงสุด 7 ครั้ง/เดือน ส่วนใหญ่มีอายุประมาณ 25-30 ปี เป็นคนไทยในสัดส่วนประมาณ 80-90% ที่เหลือจะเป็นชาวต่างชาติ โดยแบ่งเป็นผู้ที่นิยมมารับประทานคนเดียว ที่เดิมคาดหวังเพียง 20% แต่ปรากฏว่าได้รับความนิยมสูงถึง 25% (เมื่อเทียบกับชาวญี่ปุ่น ที่นิยมรับประทานคนเดียวมากถึง 40%)  ส่วนมาเป็นกลุ่มตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มีสัดส่วน 25% และรับประทาน 2 คน มีสัดส่วน50%” นางสาวทิพย์สุดา กล่าว

อย่างไรก็ตามภายในปี 2568 Yakiniku Like มีแผนที่จะขยายให้ได้อีก 3 สาขา คือ สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต ส่วนอีก 2 สาขาคือ ศรินครินทร์ และปิ่นเกล้า ขณะนี้อยู่ในระหว่างเจรจาเช่าพื้นที่ นอกจากนี้จะรุกการสร้างและแบรนด์ จัดแคมเปญและ Build brand awareness มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมี Heavy User ด้วยเฉลี่ยประมาณ 30% และยังมี Gap ที่จะจับกลุ่มลุกค้าใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยกำหนดเป้าหมายการเติบโต Target ในปี 2567 ที่ 15% หรือมียอดขายที่ 390 ล้านบาท  และปี 2568 ที่ 20% ที่ทราบกันดีในปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารมีการแข่งขันที่สูงมาก มีร้านเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก ทั้งจาก Local หรือ Chain ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของผู้บริโภค ในส่วนของแบรนด์ก็จะยังคงมุ่งเน้นไปที่การชูจุดเด่นของแบรนด์ต่อไป ด้วยความที่ตัวแบรนด์มีที่มาจากญี่ปุ่นมีทีมที่ Approve quality ต่างๆ ที่จะมั่นใจว่าเป็นไปตาม Standard และเหมือนกับทางญี่ปุ่นมากที่สุด ซึ่งในปีนี้บริษัทฯได้วางงบการตลาดไว้ประมาณ 2% หรือประมาณ 6-7 ล้านบาท จากยอดขายรวม ขณะที่ปี 2568 ได้วางงบการตลาดเพิ่มขึ้นที่ 12 ล้านบาท

นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังได้ขยายฐานไปเมื่อสาขาที่ประเทศเวียดนาม เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา และในต้นปี 2568 จะขยายต่อไปยังประเทศกัมพูชา และสปป.ลาว อีกในอนาคต ซึ่งการขยายสาขาไปยังประเพื่อนบ้านนั้น เป็นการขายแฟรนไชส์โดยสาขาในประเทศไทย ขณะที่สาขาในประเทศไทยจะเป็นการได้รับสิทธิ์ในการขยายในภูมิภาค CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม)

"โดยโปรโมชั่น สิทธิพิเศษต่างๆ ในช่วงเวลาเทศกาลปลายปีแบบนี้ โปรโมชั่นเรา offer เป็น Limited time offer ด้วยการนำเสนอเนื้อพรีเมียม ในราคาหลักร้อยและปีหน้าจะเน้นไปที่ความหลากหลายมากขึ้น รวมถึงเราได้ Launch CRM Program ไปที่จะคอยมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิกคนสำคัญอยู่เสมอ" นางสาวทิพย์สุดา กล่าวในที่สุด

สำหรับร้าน Yakiniku Like ทั้ง 15 สาขา ประกอบด้วย

1.สาขา เซ็นทรัล ลาดพร้าว ชั้น 1 (ฝั่ง Central Food Hall)

2.สาขา เมกา บางนา ชั้น 1 (โซน Maga Food Walk)

3.สาขา เทอร์มินอล21 พระราม3 ชั้น 2 (ติดบันไดเลื่อนกลาง)

4.สาขา เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ชั้น 5 (ติดบันไดเลื่อนกลาง)

5.สาขา เซ็นทรัล เวิลด์ ชั้น 7 (โซน Atrium)

6.สาขา เทอร์มินอล21 อโศก ชั้น 4 (ติดลิฟต์แก้ว)

6.สาขา เซ็นทรัล พระราม 9 ชั้น 7 (ติดบันไดเลื่อนฝั่ง Central Food HalL)

8.สาขา เดอะมอลล์ บางกะปิ ชั้น 3 (ติดปั่นไดเลื่อนกลาง)

9.สาขา เดอะมอลล์ บางแค ชั้น 2 (ติดปันไดเลื่อน)

10.สาขา เซ็นทรัล เวลต์วิลล์ ชั้น G (ติดทางเข้าศูนย์)

11.สาขา เดอะมอลล์ ท่าพระ ชั้น 1

12.สาขา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ชั้น 1

13.สาขา ซีคอนบางแค ชั้น 1 หน้าทางเข้าหลัก

14.สาขา ทรูดิจิทัลพาร์คชั้น 2 โซน อีสต์

15.สาขา วันแบงค็อก ชั้น B1 โซนพาเหรด

You can share this post!