การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จับมือกับ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวงพลังงาน และ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อผลักดันการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคการขนส่งทางน้ำ มุ่งสู่การสร้าง “ท่าเรือสีเขียว” และสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมสนับสนุนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission ภายในปี 2065
พิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ณ การท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากทั้งสามหน่วยงานร่วมลงนาม ได้แก่
• นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท.
• นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดี พพ.
• นายรองเพชร บุญช่วยดี รองผู้อำนวยการ อบก.
ทั้งนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารจากทุกหน่วยงานร่วมเป็นสักขีพยาน
ยกระดับท่าเรือ สู่การลดคาร์บอนแบบยั่งยืน
นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของ กทท. ในการพัฒนาองค์กรสู่การเป็น “Carbon Neutral Port” ภายในปี 2050 โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 10% ภายในปี 2030 ผ่านการส่งเสริมพลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการขนส่ง
ในโอกาสนี้ กทท. ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง 2 ฉบับ ได้แก่
1. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและใช้พลังงานทดแทนเพื่อมุ่งสู่ท่าเรือคาร์บอนต่ำร่วมกับ พพ.
2. การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับภาคการขนส่งร่วมกับ อบก.
MOU เพื่อความร่วมมือที่หลากหลาย
• บทบาทของ พพ.
พพ. จะสนับสนุนการศึกษาวิจัยด้านพลังงานสะอาดและจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้สู่บุคลากร กทท. ผู้ประกอบการท่าเรือ และประชาชน ผ่านการสัมมนา นิทรรศการ และกิจกรรมวิชาการ
• บทบาทของ อบก.
อบก. จะพัฒนาหลักสูตรการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในห่วงโซ่อุปทานภาคขนส่ง พร้อมสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการลดก๊าซเรือนกระจก
กทท. ได้ดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด อาทิ
• โครงการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 243,542.64 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ตลอดระยะเวลาโครงการ 25 ปี
• โครงการ e-Carbon Receipt ร่วมกับบริษัท เวคิน (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเผยแพร่ข้อมูลค่าการปล่อยคาร์บอนแก่ผู้ประกอบการ นำไปสู่การลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของภาคโลจิสติกส์
เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของ กทท.
การลงนามครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการเดินหน้าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission และผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำในด้านการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระดับสากล.