news-details
Business

“ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค”เผยนักธุรกิจไทย-ต่างชาติ เจรจาซื้อห้องเพนท์เฮาส์ 900 ตารางเมตร คาดเคาะราคาได้ในปี 68 โค้งสุดท้ายปีนี้เปิดให้บริการอีก 4 ส่วน

วิมานสุริยา ผู้พัฒนา Dusit Central Park  เผยความคืบหน้าก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 70% เผยภาพปี 68 เตรียมพบกับศูนย์การค้า Central Park Retail กับปรากฏการณ์ New Horizon และอาคารสำนักงาน Central Park Offices ระดับ Prestigious Class A อย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 พร้อมเผยตัวเลขโครงการที่อยู่อาศัย The Residences at Dusit Central Park ปิดยอดขายกว่า 85% ครั้งแรกกับความร่วมมือเพื่อสร้างสรรค์ Show Unit บนพื้นที่จริง โดย “Arkitektura” และ “Euro Creations” ย้ำสร้างความยั่งยืนของการใช้ชีวิตแบบ Well-being ด้วย Sustainability Development การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานระดับ LEED Gold V.4, WELL Platinum V.1, WiredScore Gold V.3.1 และครั้งแรกในประเทศไทย กับที่พักอาศัยที่ได้รับมาตรฐาน LEED Gold ด้านห้องเพนท์เฮาส์ ขนาด 900 ตารางเมตร ซึ่งมีเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น ล่าสุดมีนักธุรกิจไทย สนใจแล้ว 2 ราย และต่างชาติ 1 ราย คาดปิดขายภายในปี 68

 

นางละเอียด โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิมานสุริยา จำกัด ผู้พัฒนาโครงการมิกซ์ยูส บิ๊กโปรเจกต์ ย่านพระราม 4 “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (Dusit Central Park) ในเครือบริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่าโครงการ Dusit Central Park นับเป็นโครงการที่มีการพัฒนาอยู่บนพื้นที่ที่ดีที่สุด หรือ Super Core CBD ที่สามารถเชื่อมต่อย่านธุรกิจและแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ มากมาย และ นับเป็น Luxury spot ที่มีการผสานกันอย่างลงตัว ทั้งภายในโครงการ อย่างโรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และสำนักงาน ซึ่งแต่ละส่วนสามารถเดินเชื่อมถึงกันได้หมดแบบ Seamless และเชื่อมต่อภายนอกอาคารกับการสัญจรทุกระนาบ ทั้งระดับผิวถนน BTS และ MRT โดยในปีนี้ นับเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจจากการที่ได้เริ่มเปิดส่วนแรกของการพัฒนาโครงการ Dusit Central Park ออกสู่สาธารณะ กับ Dusit Thani Bangkok โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นจำนวนมาก โดยมียอดเข้าพักและใช้บริการห้องจัดเลี้ยงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 โรงแรมมีการเปิดให้บริการเพิ่มเติม 4 ส่วน ได้แก่ 

1) ห้องอาหาร Cannubi by Umberto Bombana ร้านอาหารอิตาเลียนรูปแบบไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกของเชฟ Umberto Bombana เชฟระดับตำนานเจ้าของมิชลิน 3 ดาว 

2) Sky Lobby ชั้น 39 ที่มอบวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ และสวนลุมพินี พร้อมบริการอันโดดเด่นและสง่างามโดยดุสิต 

3) Spire Rooftop Bar บาร์บนชั้นที่เปิดประสบการณ์ขอบฟ้ายามเย็นพร้อมชมวิวเมืองมุมสูงของกรุงเทพฯ

4) 1970 Bar ที่ผสานเสน่ห์ของการสังสรรค์อย่างมีระดับเข้ากับบรรยากาศกลิ่นอายความหรูหราของยุค 70

สำหรับความคืบหน้าในส่วนของโครงการที่พักอาศัย “เดอะ เรสซิเด้นเซส แอท ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” (The Residences at Dusit Central Park)  ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบรนด์ที่อยู่อาศัย คือ “ดุสิต พาร์คไซด์”ซึ่งอยู่ชั้น 9-29 และ  “ดุสิต เรสซิเด้นเซส” อยู่ชั้น 30-69 รวม 406 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 55-900 ตารางเมตร  ปัจจุบันราคาขายเริ่มต้นที่ 18-100 ล้านบาทขึ้นไป หรือราคาเฉลี่ยที่ 390,000 บาท/ตารางเมตร ปรากฏว่าปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 85% แบ่งเป็นลูกค้าคนไทย 80% และต่างชาติ 20% เป็นผลมาจากการออกแบบดีไซน์เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในทุกยูนิตโดยคำนึงทิศทางแสงและลม ส่งผลให้มีการถ่ายเทอากาศด้วยลมธรรมชาติ และทำให้ห้องเย็นไม่ร้อน พร้อมทั้งรูปแบบการดูแลในแบบฉบับ Thai Branded Residences ที่บริหารและดำเนินการโดยโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่โดดเด่นด้วยความเป็น Gracious Hospitality ระดับเวิลด์คลาส ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการบริการในแบบดุสิตธานีเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตเหนือระดับ ยิ่งไปกว่านั้น

ส่วนห้องเพนท์เฮาส์ ขนาด 900 ตารางเมตร ซึ่งมีเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดราคา แต่มั่นใจว่าจะเป็นราคาที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยของคอนโดฯที่ตั้งบนที่ดิน Leasehold ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ ให้ความสนใจแล้ว 3 ราย โดยเป็นนักธุรกิจชาวไทย 2 ราย และชาวต่างชาติ 1 ราย คาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ในปี 2568 นี้อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามในส่วนของยูนิตที่เหลืออีก 15% คาดว่าจะสามารถปิดการขายทั้งหมดได้ภายในปี 2568 เช่นกัน ด้านการก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วกว่า 70%

สำหรับปี 2568 บริษัทฯได้เตรียมรังสรรค์ Special Edition Show Residences จำนวน 3 ยูนิต ขนาด 55 ตารางเมตร 85 ตารางเมตร และ 115 ตารางเมตร ซึ่งได้ร่วมมือกับ “Arkitektura” ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านระดับลักชัวรี่ โดดเด่นที่ดีไซน์อันเรียบหรู และ “Euro Creations ผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรปแบบร่วมสมัยแต่แฝงไว้ซึ่งความอบอุ่น ด้วยแพ็กเกจเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเลือกได้ถึง 3 รูปแบบ ดังนี้

1.Arkitektura มาพร้อมกับแบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกาที่มีคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่น และแบรนด์สัญชาติอิตาลีที่มีความโดดเด่นด้านในการผสมผสานความ Modern และ Contemporary ผ่านการออกแบบผนังที่รวมดีไซน์และฟังก์ชั่นเข้ากันเป็นหนึ่งเดียว

2.Euro Creations นำเสนอสไตล์ Timeless Beauty จากดีไซน์เนอร์ชั้นนำจากยุโรป นำเสนอความพลิ้วไหวเหมือนสายน้ำและสายลมธรรมชาติ สวยงามเหนือกาลเวลา

3.คาดว่าห้องทั้ง 3 ห้อง จะพร้อมเปิดต้อนรับทุกท่านในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568

สิ่งสำคัญอีกหนึ่งปัจจัย คือ The Residences at Dusit Central Park ได้ดำเนินการก่อสร้าง ภายใต้เกณฑ์มาตรฐานรับรองอาคารเขียวระดับโลก LEED Gold V.4.1 Residence Multi-Family เพื่อเน้นย้ำความตั้งใจในการพัฒนาโครงการที่ไม่เพียงแค่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นที่พักอาศัยเพื่อการใช้ชีวิตและสุขภาพที่ดี โดยจะเป็นอาคารที่พักอาศัยแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองนี้

นางสาวละเอียด กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากส่วนที่พักอาศัย ในปี 2568 บริษัทฯได้เตรียมการเปิดให้บริการ อีก 2 ส่วนสำคัญของโครงการ คือ อาคารสํานักงาน Central Park Offices และ ศูนย์การค้า Central Park Retail ภายใต้การพัฒนาของพาร์ทเนอร์ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN โดย Central Park Offices จำนวน 43 ชั้น พื้นที่ใช้สอย (Gross Building Area: GBA) 130,000 ตารางเมตร นับเป็นอาคาร Prestigious Class A โดยวางไว้ให้เป็นโครงการสำคัญในการพัฒนาพื้นที่สำนักงานของเซ็นทรัลพัฒนา ผ่านแนวคิด The Future Work/Life for Global Visionaries ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการทำงานทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งตัวโครงการมีขนาดเหมาะสมด้วยการเป็น Walkable Proximity ที่มีความโดดเด่นและเหมาะสมกับการเป็นคอมมูนิตี้ของคนทำงานและบริษัทชั้นนำ ทั้งในไทยและทั่วโลก ให้มาอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทต่างชาติ ด้วยการออกแบบ Flexible Design ที่รองรับธุรกิจผู้เช่าทุกขนาด พร้อมพื้นที่ Hybrid Workspace และยังมีพื้นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่โรงแรม และศูนย์การค้า โดยอาคารสำนักงานรองรับเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียวระดับโลก LEED Gold และ WELL Platinum มาตรฐานด้านคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัยระดับสากล พร้อมทั้งได้รับมาตรฐาน WiredScore โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อระบบดิจิทัล ที่จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดให้แก่บริษัทที่จะเข้ามาใช้บริการภายในพื้นที่สำนักงาน โดยเตรียมพร้อมเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568

สำหรับในส่วนของ Central Park Retail มีพื้นที่ใช้สอย (Gross Building Area: GBA) 130,000 ตารางเมตร มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่ผสมผสาน Curated Experience เข้ากับ Park Life เพื่อสร้างสรรค์ The New Luxury คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดร่วมกับแบรนด์ชั้นนำในไทยและแบรนด์ระดับโลก อีกทั้งนำ Essence ของ Heritage เดิมที่มีอัตลักษณ์ที่สวยงามมาสะท้อนใน Architecture และ Interior Design รวมถึง Collaboration ร่วมกับแบรนด์ระดับโลก, Up-and-Coming Thai & International Designers รวมถึงพื้นที่ที่จะรองรับ Urban Active Lifestyles เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 เช่นกัน

นอกจากนี้ โครงการ Dusit Central Park ได้วางแนวทางการก่อสร้าง Sustainability Development ตั้งแต่แนวความคิดตลอดจนการเลือกสรรวัสดุก่อสร้างและนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิ Green Concrete เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ถึง 16 ตัน ระบบ Water Treatment ที่สามารถช่วยลดการปล่อยน้ำเสีย ระบบการกรองอากาศ HEPA Filter กรองอากาศภายในอาคารถึง 2 ชั้น เพื่อช่วยลดฝุ่น กระจกกรอบอาคารหนา 3 ชั้น ป้องกันแสง UV และความร้อน วัสดุผนัง พื้น ที่ดูดซับเสียง ลดเสียงรบกวนจากภายนอกและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ผู้ใช้งานอาคาร เป็นต้น โดยดำเนินการควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานชีวิตของสังคมเมือง เพื่อการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) และนิเวศเมือง (Urban Ecology) ผ่านพื้นที่สวนสาธารณะลอยฟ้าสีเขียว Roof Park ขนาด 7 ไร่ (11,200 ตารางเมตร) ภายใต้หลักการออกแบบ Universal Design เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ผสมผสานด้วยหลักการออกแบบ Biophilic Design ที่ผสานการใช้ชีวิต การทำงาน และการพักผ่อนเข้ากับธรรมชาติ นับเป็นการส่งเสริมสุขภาพคนทั้งร่างกายและจิตใจ และคุณภาพเมืองไปพร้อมกัน ซึ่งจะกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางพระราม 4 - สีลมแห่งนี้

“ทุกย่างก้าวและทุกความสำเร็จของ โครงการ Dusit Central Park คือตัวแทนของความมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสที่ไม่มุ่งหวังเพียงแต่สร้างผลตอบแทนทางกำไรสูงสุด แต่ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ในการสร้างโครงการที่มีความหมาย และยกระดับชีวิตของผู้คนภายในประเทศไทย รวมถึงมิติด้านความยั่งยืนเพื่อยกระดับสุขภาพของผู้คนและของเมืองให้ดียิ่งขึ้น เรามั่นใจว่าการเดินทางในปี พ.ศ. 2568 จะเดินหน้าโครงการได้ตามเป้าหมาย และพร้อมเป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยที่มีความเป็นเลิศในทุกมิติ สมกับการเป็น A World-class Complete Mixed-use Development สร้างความภาคภูมิใจของประเทศไทยที่ทุกคนทั่วโลกต้องจับตามองอย่างแน่นอน” นางสาวละเอียด กล่าวในที่สุด

 

 

You can share this post!