news-details
Business

“ศรณ์”ทายาทผู้กำกับหนัง-ดาราชื่อดัง คว้ารางวัล “สามดาวมิชลิน”ร้านแรกในไทย สร้างตำนานความสำเร็จในวงการอาหารระดับประเทศและระดับโลก

คู่มือ “มิชลิน ไกด์”ฉบับประเทศไทยประจำปี 2568 มีร้านอาหารผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 462 ร้าน เป็นร้านรางวัล “สามดาวมิชลิน” 1 ร้าน, “สองดาวมิชลิน” 7 ร้าน, “หนึ่งดาวมิชลิน” 28 ร้าน, รางวัล “บิบ กูร์มองด์” 156 ร้าน และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected อีก 270 ร้าน สำหรับรางวัล "ดาวมิชลินรักษ์โลก"หรือ MICHELIN Green Star มีร้านใหม่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่ง คือ "บ้านเทพา"ที่ไม่เพียงมีแนวปฏิบัติด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน แต่ยังขับเคลื่อนชุมชนให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ส่วนจังหวัดชลบุรี ซึ่ง "มิชลิน ไกด์"ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับเป็นปีแรก มีร้านอาหารได้รับการตีพิมพ์ในคู่มือฯ รวมทั้งสิ้น 20 ร้าน เป็นร้านระดับรางวัล "บิบ กูร์มองด์" 5 ร้านและร้านแนะนำ 15 ร้าน

ในงานเปิดตัวคู่มือ "มิชลิน ไกด์"ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 (The MICHELIN Guide Thailand 2025) บุคลากรในแวดวงอาหารของไทยร่วมฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ หลังจาก "ศรณ์"ได้รับการประกาศชื่อเป็นร้านอาหารที่คว้ารางวัลระดับ "สามดาวมิชลิน"อันทรงเกียรติมาครองได้สำเร็จเป็นร้านแรกในไทย ทั้งนี้ ภายในงานนอกจากจะมีการเปิดเผยรายชื่อร้านอาหารทั้งหมดที่ผ่านการคัดสรรให้ตีพิมพ์ลงในคู่มือฯ ฉบับล่าสุดแล้ว ยังมีพิธีมอบรางวัลและฉลองความสำเร็จให้กับบุคลากรและทีมงานร้านอาหารที่ได้รับรางวัล "ดาวมิชลิน"และรางวัลพิเศษอื่น ๆ อีกด้วย

คู่มือฉบับปีล่าสุดนี้บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 462 แห่ง เป็นร้านที่ได้รับรางวัล "สามดาวมิชลิน" 1 ร้าน (เลื่อนระดับจาก “สองดาวมิชลิน”), รางวัล “สองดาวมิชลิน” 7 ร้าน (เลื่อนระดับจาก “หนึ่งดาวมิชลิน” 1 ร้าน), รางวัล “หนึ่งดาวมิชลิน” 28 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน และเลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 1 ร้าน), รางวัล “บิบ กูร์มองด์” 156 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 20 ร้าน) และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected อีก 270 ร้าน  (ติดอันดับครั้งแรก 44 ร้าน) โดยในจำนวนร้านใหม่ที่ติดอันดับครั้งแรกในคู่มือฯฉบับล่าสุดซึ่งเป็นฉบับที่ 8 ของไทย เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ซึ่ง “มิชลิน ไกด์”ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับเป็นปีแรก รวมทั้งสิ้น 20 ร้าน (ร้านระดับ “บิบ กูร์มองด์” 5 ร้าน และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected 15 ร้าน)

 

นายเกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ “มิชลิน ไกด์”ทั่วโลก เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยมีร้านอาหารได้รับรางวัล “สามดาวมิชลิน”เป็นร้านแรก ทำให้ปี 2568 เป็นปีสำคัญของไทยในหน้าประวัติศาสตร์แวดวงอาหารระดับสากลรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนความรุ่มรวยและหลากหลายของอาหารไทย แต่ยังแสดงให้เห็นว่าศาสตร์และศิลป์ด้านอาหารการกินของไทยโอบรับวัฒนธรรม ความทันสมัย และเทรนด์ใหม่ ๆ เอาไว้อย่างลงตัว

แนวโน้มและทิศทางวงการอาหารของไทยจากการสำรวจโดยผู้ตรวจสอบของมิชลิน ไกด์

มร.ปูลเล็นเนค ผู้ตรวจสอบของ “มิชลิน ไกด์” กล่าวว่า มีร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้านอาหารเหล่านี้ดำเนินการโดยเชฟผู้มีความสามารถชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี เคยผ่านประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ และ/หรือ ศึกษาศาสตร์การทำอาหารสไตล์ตะวันตก โดยเชฟเหล่านี้ริเริ่มก่อตั้งธุรกิจร้านอาหารในจังหวัดบ้านเกิดของตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนออาหารไทยดั้งเดิมในรูปแบบที่ทันสมัยและดูน่าสนใจ ส่งผลให้ “อาหารไทยร่วมสมัย”ก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่เดิม

นอกจากนี้ อุตสาหกรรมร้านอาหารหรูประเภท“ไฟน์ ไดนิ่ง”(Fine Dining) ในไทย ยังดึงดูดเชฟชาวต่างชาติจากทั่วโลกให้เข้ามาทำงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเชฟท้องถิ่น และมีบทบาทในการฝึกฝนทีมงานร้านอาหารรุ่นใหม่ อีกทั้งประเด็นเรื่องความยั่งยืนและการจัดหาวัตถุดิบภายในท้องถิ่นยังได้รับความสนใจแพร่หลายมากขึ้นในไทย โดยเชฟใส่ใจเลือกใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นมากขึ้นและประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตรายย่อยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวโน้มดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจให้เชฟท้องถิ่นริเริ่มนำเสนอสิ่งใหม่และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

ยิ่งกว่านั้น ยังเห็นได้ชัดว่ามีภัตตาคารสไตล์เรียบง่ายและร้านอาหารขนาดเล็กจำนวนหนึ่งถ่ายทอดสูตรอาหารจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพื่อรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ ภัตตาคารและร้านอาหารประเภทดังกล่าวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่สามารถหาอาหารคุณภาพเยี่ยมหลากรูปแบบทานได้ในราคาสบายกระเป๋า

“ศรณ์”สร้างประวัติศาสตร์ คว้า “สามดาวมิชลิน”มาครองเป็นร้านแรกในไทย

“ศรณ์” ซึ่งก่อตั้งโดย นายศุภักษร จงศิริ หรือ เชฟไอซ์ บุตรชายของดาราอาวุโส “ปนัดดา โกมารทัต”และ “ศุภวัฒน์ จงศิริ” นักเขียนและผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังที่นำชื่อลูกชาย คือ “ศุภักษร”มาใช้เป็นนามปากกานั่นเอง  ร้าน “ศรณ์” เคยติดอันดับที่ 39 ของการประกาศรางวัล “50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมของโลก” หรือ The World’s 50 Best Restaurants 2022 ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยหนึ่งเดียวติดอันดับโลกเป็นครั้งแรกมาแล้ว

โดย “ศรณ์” เป็นร้านอาหารใต้ คำว่า “ศรณ์” มาจากชื่อลูกชายของเชฟไอซ์ “ศักยศรณ์”  เป็นคำสันสกฤต แปลว่า ศรณ (สะ-ระ-นะ) คือผู้ที่สร้างตนเองด้วยตัวเอง และผู้อื่นพึ่งพาได้ ซึ่งการนำมาตั้งเป็นชื่อร้านเพื่อให้น้องๆ ในทีมได้พึ่งพาซึ่งกันและกัน ร้าน “ศรณ์” คือร้านที่ถ่ายทอดศิลปะการปรุงอาหารผ่านฝีมืออันเป็นเลิศ ตลอดจนการผสมผสานอย่าง  ลงตัวระหว่างตำรับโบราณและนวัตกรรมสมัยใหม่ ทุกจานรังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต พิถีพิถัน และลุ่มลึก นำเสนอประสบการณ์การรับประทานที่น่าตื่นเต้นและกลมกล่อมอย่างไม่มีที่ติ... ก้าวสู่การเป็นร้านอาหารระดับตำนานในฐานะที่คว้ารางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดระดับ “สามดาวมิชลิน”มาครองเป็นร้านแรกในประเทศไทย

ร้าน “ศรณ์” ได้รับการจัดอันดับในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2562 เป็นครั้งแรก โดยได้รับรางวัล “หนึ่งดาวมิชลิน” เพียงหนึ่งปีต่อมาก็ได้รับการเลื่อนระดับเป็นร้าน “สองดาวมิชลิน” และสามารถครองสถานะระดับ “สองดาวมิชลิน” เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี การก้าวขึ้นคว้ารางวัลระดับ “สามดาวมิชลิน” ได้ในคู่มือฯ ฉบับปี 2568 นับเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นเลิศ คุณภาพ และความสม่ำเสมอ ที่ส่งผลให้ ศรณ์ เปลี่ยนสถานะจากร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม กลายเป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ควรดั้นด้นเดินทางเพื่อไปชิมสักครั้ง

 

รางวัล “สองดาวมิชลิน” มีร้านติดอันดับเพิ่มหนึ่งแห่ง คือ “โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค”ในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศไทย ประจำปี2568 มีร้านอาหารคว้ารางวัลระดับ “สองดาวมิชลิน” เพิ่มขึ้นเพียงร้านเดียว โดยได้รับการเลื่อนระดับจาก “หนึ่งดาวมิชลิน” คือ “โค้ท บาย เมาโรโคลาเกรคโค” ร้านอาหารที่นำเสน่ห์แห่งรสชาติจากเฟรนช์ริเวียราสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ผสานกลิ่นอายจากเมดิเตอร์เรเนียน ฝรั่งเศส และอิตาลี ทุกจานอาหารรังสรรค์ด้วยเทคนิคอันล้ำสมัยจากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ดีที่สุดในแต่ละวันเพื่อสร้างสรรค์เมนูอันเป็นเอกลักษณ์  

สำหรับร้านอาหาร บ้านเทพา, เชฟส์เทเบิล, กา, เมซซาลูน่า, อาหาร และซูห์ริง ยังคงครองสถานะ “สองดาวมิชลิน” เอาไว้ได้ ทำให้ประเทศไทยมีร้านระดับ “สองดาวมิชลิน” จำนวนทั้งสิ้น 7 ร้าน

ส่วนรางวัล “หนึ่งดาวมิชลิน” ซึ่งมีร้านใหม่ติดโผ 5 ร้าน ในจำนวนนี้ 4 ร้านได้รับการจัดอันดับในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศไทย เป็นครั้งแรก ส่วนอีก 1 ร้านได้รับการเลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected

ร้านใหม่ระดับ “หนึ่งดาวมิชลิน” ที่ติดอันดับในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศไทย เป็นครั้งแรก ได้แก่ อัคคี ร้านอาหารที่สร้างความประทับใจด้วยเมนูอาหารไทยรสจัดจ้านจากภูมิภาคต่าง ๆ เสิร์ฟในบรรยากาศสุดพิเศษท่ามกลางแสงสลัว ใช้เทคนิคการทำอาหารที่พิถีพิถันในครัวที่เรียบง่าย โดยปรับสูตรอาหารไทยคลาสสิกให้เข้ากับวัตถุดิบตามฤดูกาล ทำให้อาหารมีเอกลักษณ์และรสชาติที่ชัดเจน, เอวองท์ ร้านอาหารที่เชฟชาวสิงคโปร์รังสรรค์อาหารโดยผสานเทคนิคดั้งเดิมและสมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว และพิถีพิถันในทุกรายละเอียด, โกท ร้านอาหารที่ผสมผสานองค์ประกอบของอาหารไทย จีน และตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาดภายใต้แนวคิดฤดูกาลของไทย โดยใช้ทั้งสมุนไพรที่ปลูกในร้านและวัตถุดิบจากทั่วประเทศไทย และ อาวลิส ร้านอาหารสไตล์ "เชฟส์ เทเบิล" ที่นำเสนอเทสติงเมนูหลายคอร์สจากวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยและเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าในบรรดาร้านใหม่ติดอันดับ “หนึ่งดาวมิชลิน” มี 2 ร้านที่ตั้งอยู่นอกเขตกรุงเทพมหานคร คือ อัคคี ในจังหวัดนนทบุรี และ อาวลิส ในจังหวัดพังงา

ร้านใหม่ระดับ “หนึ่งดาวมิชลิน” ที่เลื่อนระดับจากร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected เพียงหนึ่งเดียว คือ “โคด้า”ร้านอาหารที่เชิดชูแก่นแท้ของอาหารไทยท้องถิ่น พร้อมผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่เพื่อสร้างอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ทุกเทสติงเมนูรังสรรค์อย่างประณีต อัดแน่นไปด้วยรสชาติที่ละเอียดอ่อนและมีมิติอย่างล้ำลึก

รางวัล MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้นหนึ่งร้านคือ “บ้านเทพา”

นอกจาก พรุ, ฮาโอมา และ จำปา ซึ่งครองรางวัล MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ที่มอบให้กับร้านอาหารซึ่งดำเนินกิจการและมีแนวปฏิบัติประจำวันด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนแล้ว ยังมีร้านอาหารร่วมครองรางวัลนี้อีก 1 ร้านในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 ได้แก่ บ้านเทพา ร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่เชฟและทีมงานไม่เพียงทุ่มเทใส่ใจในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ปลูกสมุนไพรและดอกไม้กินได้ในสวนหลังร้าน, เลือกใช้วัตถุดิบจากผู้ผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, เปลี่ยนขยะอาหารเป็นปุ๋ย ตลอดจนรังสรรค์อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ แต่ยังริเริ่มโครงการเพื่อขับเคลื่อนชุมชนให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย  ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมของเชฟและทีมงานยังคงแข็งแกร่งแม้ต้องฟันฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากจึงสมควรได้รับการยกย่องในความมุ่งมั่นอุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อม

รางวัลพิเศษ 4 รางวัล

ปัจจุบัน คู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับประเทศไทย มอบรางวัลพิเศษรวม 4 รางวัล ให้กับบุคลากรมืออาชีพจากร้านอาหารที่ติดอันดับในคู่มือฯ ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นและมีบทบาทในการยกระดับประสบการณ์ด้านอาหารให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น อันเป็นการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมด้านอาหารและบริการเป็นที่น่าสนใจและน่าทำงานด้วย

-รางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award

MICHELIN Guide Young Chef Award เป็นรางวัลพิเศษที่ได้รับการสนับสนุนโดย “บลองแปง” (Blancpain) แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ รางวัลนี้มอบให้กับสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ที่แสดงศักยภาพโดดเด่นตลอดระยะเวลา 12เดือนที่ผ่านมา ด้วยคุณสมบัติและทักษะความสามารถในการรังสรรค์อาหารอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2568 คือ “อู๋” สิทธิกร จันทป เชฟและเจ้าของร้านอัคคี ด้วยความหลงใหลในอาหารไทยแบบดั้งเดิม เชฟอู๋เลือกใช้วัตถุดิบหายากมาปรุงอาหารและจัดจานอย่างสวยงาม สะท้อนทักษะความเชี่ยวชาญ เอกลักษณ์เฉพาะตัว และผสานความทันสมัยเอาไว้อย่างลงตัว ซึ่งผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ ชื่นชมและรอดูการนำอาหารไทยต้นตำรับ ไปสู่มิติใหม่ ๆ ในอนาคต

-รางวัล MICHELIN Guide Opening of the Year Award

MICHELIN Guide Opening of the Year Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารยูโอบี (UOB) มอบให้กับบุคลากรและทีมงานซึ่งประสบความสำเร็จในการเปิดร้านอาหารใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีแนวคิดที่โดดเด่นในการนำเสนออาหารอย่างสร้างสรรค์ จนกลายเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากวงการอาหารในประเทศ สำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2568 คือ ดิมิทริออส มูดิออส(Dimitrios Moudios) เชฟและเจ้าของร่วม (Co-Owner Chef) ของร้าน Ōre ร้านอาหารบรรยากาศสุดมินิมัลที่นำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำผ่านเมนูสร้างสรรค์ 30 คอร์ส ซึ่งประกอบด้วยวัตถุดิบหายากและวัตถุดิบที่ผ่านการหมัก รังสรรค์ด้วยเทคนิคการปรุงอาหารหลากหลายรูปแบบเพื่อให้ได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว

-รางวัล MICHELIN Guide Service Award

MICHELIN Guide Service Award เป็นรางวัลที่ได้รับการสนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มอบให้สุดยอดบุคลากรของร้านอาหารที่ทุ่มเทให้กับการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2568 คือ ยุพา สุขเกษม ผู้จัดการร้านบ้านเทพา ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานานถึง 6 ปี จากการทำงานในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม คุณยุพาให้บริการอย่างมืออาชีพด้วยความใส่ใจ การให้บริการของเธอและทีมงานสร้างความประทับใจให้กับทีมผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ และทำให้การรับประทานอาหารเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ

-รางวัล MICHELIN Guide Sommelier Award

MICHELIN Guide Sommelier Award เป็นรางวัลที่มอบให้กับ “ซอมเมอลิเยร์” หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น โดยให้บริการอย่างมืออาชีพ และมีความชำนาญในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับไวน์ชนิดต่าง ๆ  รวมถึงการจับคู่ไวน์กับเมนูอาหาร เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านอรรถรสสูงสุด โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2568 คือ ฐานสิทธิ์ วาสินนท์จากร้าน โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ ด้วยประสบการณ์ 4ปี ในสายงานด้านซอมเมอลิเยร์ คุณฐานสิทธิ์มีความเป็นมืออาชีพและรู้จริงในการนำเสนอและแนะนำไวน์ การให้คำแนะนำอย่างมั่นใจแต่สุภาพอ่อนน้อมอยู่ในที ทำให้ลูกค้าเพลิดเพลินไปกับการลิ้มลองรสชาติไวน์อย่างได้อรรถรสเต็มเปี่ยม

สรุปจำนวนร้านอาหารที่ได้รับรางวัลจากคู่มือ “มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย 2568”

-ร้านอาหารระดับ “สามดาวมิชลิน” จำนวน 1 ร้าน (เลื่อนระดับจาก “สองดาวมิชลิน”)

-ร้านอาหารระดับ ‘สองดาวมิชลิน’ จำนวน 7 ร้าน (เลื่อนระดับจาก “หนึ่งดาวมิชลิน”1 ร้าน)

-ร้านอาหารระดับ “หนึ่งดาวมิชลิน” จำนวน 28 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน และเลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 1 ร้าน)

 -ร้านอาหารรางวัล “ดาวมิชลินรักษ์โลก” จำนวน 4 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 1 ร้าน)

 -ร้านอาหารรางวัล “บิบ กูร์มองด์” จำนวน 156 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 20 ร้าน)

 -ร้านแนะนำ หรือ “MICHELIN Selected” จำนวน 270 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 44 ร้าน)

You can share this post!