news-details
Business

เงินบาท“แข็งค่าเล็กน้อย”เปิดเช้านี้ 34.36 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.36 บาท/ดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” กรุงไทย คาดวันนี้จะอยู่ที่ 34.20-34.55 บาท/ดอลลาร์ จับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.43 บาทต่อดอลลาร์

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น ในลักษณะ Sideways Down (กรอบการเคลื่อนไหว 34.32-34.48 บาทต่อดอลลาร์) ทั้งนี้ เงินบาทมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง โดยเฉพาะในช่วงเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ที่มาพร้อมกับการปรับตัวลงของราคาทองคำ หลังรายงานยอดตำแหน่งงานเปิดรับ (JOLTS Job Openings) ของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.744 ล้านตำแหน่ง ดีกว่าที่ตลาดประเมินไว้ราว 7.5 ล้านตำแหน่ง ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงด้วยแรงขายทำกำไรสถานะ Long USD ของบรรดาผู้เล่นในตลาด และการรีบาวด์ขึ้นบ้างของบรรดาสกุลเงินหลัก อย่าง เงินยูโร (EUR) ที่สามารถกลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุระดับ 1.05 ดอลลาร์ต่อยูโร ได้ หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า ความวุ่นวายของการเมืองฝรั่งเศสอาจใกล้คลี่คลายลงได้ โดยนายกฯ Michel Barnier อาจพ่ายแพ้ในการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ (No-Confidence Vote) ที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินบาทยังพอได้แรงหนุนอยู่บ้างตามโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์จากบรรดาผู้ส่งออกในช่วงนี้

สำหรับวันนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) และยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจากบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้ อนึ่ง ถ้อยแถลงของประธานเฟดและรายงาน Fed Beige Book จะทยอยรับรู้ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ นี้

ส่วนในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลดัชนี Caixin PMI ภาคการบริการของจีน ในเดือนพฤศจิกายน เพื่อประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน หลังดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่รายงานก่อนหน้านั้น ออกมาดีกว่าคาด

และในฝั่งไทย เราประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ CPI ของไทยในเดือนพฤศจิกายน อาจปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1.08% (แทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า) ตามอานิสงส์ของฐานราคาสินค้าและบริการในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะในส่วนของราคาน้ำมัน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI อาจทรงตัวแถวระดับ 0.7%-0.8%

นอกจากนี้ เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา สถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส โดยหากความวุ่นวายเริ่มคลี่คลายลงบ้าง ก็อาจช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินยูโร (EUR) ในระยะสั้นนี้

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่า เงินบาทจะทยอยแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ แต่เราประเมินว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ก็ยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง ตราบใดที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงออกมาดีกว่าคาด หรือ สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สดใส (ทำให้ธีม US Exceptionalism ยังคงอยู่) นอกจากนี้ ราคาทองคำก็ยังขาดปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน ทำให้ราคาทองคำก็ดูจะยังคงอยู่ในภาวะปรับฐาน (Correction) ไปก่อน อย่างไรก็ดี เงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออก (ซึ่งเราประเมินว่า น่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้) รวมถึงการทยอยกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ ตามที่เราประเมินไว้ โดยรวมเงินบาทก็อาจแกว่งตัว Sideways ไปก่อน เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ และมีโซนแนวรับแถว 34.20-34.30 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวต้านอาจอยู่ในช่วง 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนของเงินบาท ในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลดัชนี ISM PMI ภาคการบริการของสหรัฐฯ รวมถึงยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP เนื่องจากสถิติในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมา สะท้อนว่า เงินบาทสามารถแกว่งตัวเกือบ +/-0.2% ได้ในช่วง 30 นาที หลังรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.55 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

You can share this post!