ในยุคที่สัตว์เลี้ยงกลายมาเป็นสมาชิกคนสำคัญในครอบครัว พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ก้าวทันเทรนด์ “Pet Parent” พัฒนาบริการจัดการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรักสัตว์ ทั้งด้านพื้นที่ ความปลอดภัย สุขอนามัย และการสร้างชุมชนที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงและผู้อยู่อาศัย
“Pet Parent” เทรนด์ใหม่ที่ขับเคลื่อนตลาดที่อยู่อาศัย
เทรนด์การเลี้ยงสัตว์เหมือนเป็นลูก หรือเป็นสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization หรือ Pet Parent) ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของ ttb analytics พบว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงในปี 2567 นั้นขยายตัวขึ้นจากปีก่อนสูงถึง 12.4% ด้วยมูลค่ากว่า 7.5 หมื่นล้านบาท และมีมูลค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าตลาดย้อนหลัง 5 ปี (CAGR) ที่ 17.5%
นอกจากนี้ การเลี้ยงสัตว์ในแบบ Pet Humanization หรือ Pet Parent ด้วยการใส่ใจและตามใจในฉบับทาสหมา – ทาสแมว ทำให้คนเลี้ยงสัตว์ใช้ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูสัตว์สูงถึงปีละ 41,100 บาทต่อตัว สัตว์เลี้ยงบางตัวที่มีความน่ารัก หรือมีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ยังสามารถกลายเป็น Pet Celebrity หรือสัตว์เลี้ยงชื่อดังที่ได้รับความสนใจจากผู้คนในสังคม และมีผู้ติดตามผ่านทางช่องทาง Social Media จึงนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง ดังนั้น การเลี้ยงสัตว์ในยุคนี้จึงไม่ใช่แค่ความชอบหรืองานอดิเรก แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของคนยุคใหม่ที่เริ่มมองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวมากยิ่งขึ้น
นฤมล อาภรณ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารอาคาร บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของคนไทยมีขนาดเล็กลง และคนหันมาเลี้ยงสัตว์มากยิ่งขึ้น โดยมองสัตว์เลี้ยงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสัตว์เลี้ยง ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยรูปแบบ Pet-friendly เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยที่ผู้เลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่ใช้ในการมองหาที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง ไม่เพียงแค่พื้นที่กว้างขวาง แต่ยังต้องการโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และระบบจัดการที่คำนึงถึงความปลอดภัย สุขอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดีของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง”
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เข้าใจในความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างลึกซึ้ง จากประสบการณ์ 28 ปีในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และการศึกษา Insight ของผู้อยู่อาศัยเพื่อนำมาออกแบบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละยุคสมัยได้อย่างลงตัว พลัสฯ ได้พัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการอยู่อาศัยที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง เพื่อตอบรับเทรนด์ Pet Humanization ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุสำหรับการอยู่อาศัย เช่น พื้นผิวที่ทนทานต่อน้ำและกลิ่น ไปจนถึงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เช่น สวนหรือสนามหญ้า โซนฝึกฝนและออกกำลังกายสำหรับสัตว์เลี้ยง พื้นที่ร่มรื่นสำหรับพักผ่อน รวมถึงการให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและความปลอดภัย โดยมีการจัดการขยะและสิ่งปฏิกูลอย่างมีประสิทธิภาพ มีจุดทิ้งขยะเฉพาะ การทำความสะอาดที่สม่ำเสมอ และการแจกอุปกรณ์ดูแลสัตว์เลี้ยง เช่น ถุงเก็บสิ่งปฏิกูลในพื้นที่สาธารณะ นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงผ่านการจัดกิจกรรม เช่น การเทรนนิ่งการดูแลสัตว์เลี้ยงโดยผู้เชี่ยวชาญ หรือการจัดอบรมเล็ก ๆ ในโครงการ เพื่อเสริมสร้างความรู้ที่ช่วยให้การดูแลสัตว์เลี้ยงเป็นเรื่องง่ายและมีคุณภาพ อีกทั้ง ยังมีกิจกรรมเพื่อเติมเต็มคอมมูนิตี้ของคนรักสัตว์ โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ด้านสัตว์เลี้ยงชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เพื่อตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมความปลอดภัยให้กับสัตว์เลี้ยง ผ่านแอพพลิเคชัน Home Service และ Living Plus ที่ช่วยจัดการการอยู่อาศัยของลูกบ้าน โดยมีฟีเจอร์ ‘สัตว์เลี้ยงแสนรัก’ ให้เจ้าของลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงที่อาศัยในโครงการที่พลัสฯ ดูแล เพื่อให้การจัดการสัตว์เลี้ยงมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบัน มีลูกบ้านลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงมาทั้งสิ้น 1,994 ตัว จาก 1,135 ครัวเรือน ใน 110 โครงการ โดยสัตว์เลี้ยงที่ลงทะเบียนเข้ามามากที่สุดคือ แมว จำนวน 1,059 ตัว, สุนัข จำนวน 881 ตัว, และสัตว์อื่นๆ อีกกว่า 40 ตัว
“ความสุขร่วมกัน” เป้าหมายที่พลัสฯ มุ่งมั่น
ความโดดเด่นของบริการจากพลัสฯ ไม่ได้หยุดเพียงการสร้างพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับคนรักสัตว์ แต่ยังให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขของทุกฝ่าย ด้วยการมีกฎระเบียบที่ชัดเจน และระบบจัดการที่มีคุณภาพ รวมถึงการสื่อสารแนวทางการอยู่อาศัยร่วมกันที่เข้าถึงและเข้าใจง่าย ทุกคนสามารถปฏิบัติตามแนวทางการอยู่อาศัยร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ความมุ่งมั่นในการบริหารโครงการ Pet Welcome ของเรา คือการสร้างสมดุลระหว่างความสุขของผู้เลี้ยงสัตว์ และความสบายใจของผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ เราจึงออกแบบบริการที่ตอบสนองความต้องการทั้งสองฝ่ายอย่างเหมาะสม ทั้งในมิติของพื้นที่ สุขอนามัย และการสร้างคอมมูนิตี้ที่ตอบโจทย์คนรักสัตว์และผู้อยู่อาศัยทุกฝ่าย เพื่อเป้าหมายในการสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับทุกชีวิตในโครงการ ซึ่งเป็นสิ่งที่พลัสฯ ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก” คุณนฤมลกล่าวปิดท้าย