คดีทนายตั้ม ที่เป็นข่าวครึกโครมเกี่ยวกับการสูญเสียเงินจำนวนมากไปกับการแปลงเงินเป็น สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจและสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล
ตามข้อมูลที่เปิดเผยออกมา คนสนิทของทนายตั้มได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปแปลงสินทรัพย์ ดิจิทัล และกล่าวอ้างว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นถูกแฮ็ก ทำให้สูญเสียเงินจำนวนมหาศาลไป อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกเก็บไว้ใน Hardware Wallet จริงหรือไม่
นายศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไทย บิทแคสต์ จํากัด กล่าวว่า กระเป๋าเงินดิจิทัล หรือ Hardware Wallet เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเก็บรักษากุญแจเข้ารหัสส่วนตัวของ กระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าการเก็บกุญแจเข้ารหัสส่วนตัวไว้ในคอมพิวเตอร์หรือ สมาร์ทโฟน แม้ว่า Hardware Wallet จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮ็กได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การหลอกลวงให้เปิดเผย Seed Phrase ซึ่งเป็นชุดคำที่ใช้ในการกู้คืน Hardware Wallet หากผู้ใช้งานถูกหลอกให้เปิดเผย Seed Phrase ออกไป แฮ็กเกอร์ก็สามารถเข้าควบคุม กุญแจเข้ารหัสและนำเงินออกไปได้ หรืออาจถูกขโมย หรือถูกบังคับให้เปิดเผยรหัสผ่าน หรือในกรณีที่เกิดกับผู้พัฒนาเอง เช่น เกิดข้อบกพร่องของ Firmware แม้จะน้อยมาก แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ Firmware ของ Hardware Wallet จะมีช่องโหว่ที่ถูกผู้ไม่หวังดีใช้ในการโจมตี ซึ่งหากถูกแฮ็ก ผู้ใช้งานจะสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งหมดที่เก็บไว้ไปอย่างถาวร เนื่องจากไม่มีหน่วยงานใดสามารถคืนเงินที่ถูกโอนออกไปจาก Hardware Wallet ได้
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกใช้ Hardware Wallet ที่มีความปลอดภัยสูงและผลิตโดยบริษัทที่ น่าเชื่อถือ เช่น Trezor Hardware Wallet ได้รับการยอมรับว่าเป็น Hardware ที่ปลอดภัยมากในตลาด รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกมาพร้อม Secure Element Chip คือ Trezor Safe 3 กับ Trezor Safe 5 และยังเป็นผู้ นำและบุกเบิกตลาด Hardware Wallet รายแรกในโลก ด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาให้สามารถเก็บ Master Seed ซึ่งเป็นตัวสร้างชุดกุญแจเข้ารหัสส่วนตัว สำหรับจัดการกระเป๋าไว้ภายในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เท่านั้น ไม่ถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ช่วยป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ป้องกันการโจมตีจากแฮ็กเกอร์ ปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณจากภัยคุกคามต่าง ๆ ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สามารถเชื่อมต่อกับ คอมพิวเตอร์เป็นหลัก หากต้องการใช้กับสมาร์ทโฟนแนะนำ OneKey มีสองรุ่นแนะนำ คือ OneKey Classic และ OneKey Pro เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับ รองรับเหรียญคริปโทฯ หลากหลาย ได้อย่างครอบคลุมทั้ง Bitcoin, Ethereum และ Token ที่อยู่บน Ethereum หรือ EVM Compatible
ทั้งนี้ Bitcast ในฐานะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Trezor และ OneKey ในประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพสูงสุด โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและ แนะนำเกี่ยวกับการเลือกใช้ Trezor และ OneKey ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ