news-details
Business

Sentiment ลบ แต่ลุ้นฟื้นตัวจากแนวรับ

InnovestX  ประเมินหุ้นไทยวันนี้  Sentiment ลบ แต่ลุ้นฟื้นตัวจากแนวรับ บริเวณ 1,430-1,435 จุด เป็นจุดลุ้นฟื้นตัว

บล.อินโนเวสท์เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(13ธ.ค.) คาด SET ได้รับ Sentiment ลบ หลังดัชนี PPI สหรัฐออกมาสูงกว่าคาด สร้างความกังวลต่อความไม่แน่นอนสำหรับการพิจารณาลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมสัปดาห์หน้าวันที่ 17-18 ธ.ค. เป็นปัจจัยกดดันดัชนี อย่างไรก็ตามให้ติดตามแนวรับบริเวณ 1,430-1,435 จุด เป็นจุดลุ้นฟื้นตัว ด้านแนวต้านอยู่ที่ 1,450 และ 1,460 จุด ตามลำดับ


ประเด็นสำคัญ


• S&P คงเครดิตประเทศไทยที่ BBB+ หลังประเมิน เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง คงมุมมองความน่าเชื่อถือของเสถียรภาพ ลุ้นเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือเป็น A- หากการเมืองมีเสถียรภาพและดำเนินนโยบายต่อเนื่อง

• ม. หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.2567 ที่ 56.9 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ในรอบ 9 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วยผ่อนคลายให้สถานการณ์เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง 

• ITIF เผยไทยเสี่ยงสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองเม็กซิโกและเป็นชาติเอเชียเพียงรายเดียวที่ติด TOP10 ในรายงาน "Trump Risk Index" ประเมินความเสี่ยง 39 พันธมิตรของสหรัฐฯ ทั่วโลกในยุคทรัมป์ 2.0 โดยมีความเสี่ยงสูงสุดในเรื่องการค้าและการใช้จ่ายทางกลาโหมที่น้อยเกินไป

• IEA ระบุตลาดจะมีอุปทานน้ำมันส่วนเกิน 9.5 แสนบาร์เรล/วันในปี 2568 หรือราว 1% ของการผลิตน้ำมันทั่วโลก และคาดจะเกินดุลเพิ่มขึ้นสู่ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน หาก OPEC+ เริ่มเพิ่มกำลังผลิตในเดือน เม.ย. 2568

• ที่ประชุมนโยบายการเงิน ECB มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25bps ทำให้ดอกเบี้ยเงินฝากเหลือ 3.0% เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ และส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อหลังเผยว่ากระบวนการลดเงินเฟ้อคงดำเนินไปได้ด้วยดี

• วานนี้นายกฯ ได้แถลงผลงานรัฐบาลในช่วง 3 เดือน และมอบหมายรมว. พลังงานแก้ไขปัญหาราคาพลังงานโดยการลดการผูกขาดและผลักดันการออกกฎหมายตามแนวทางรื้อ-ลด-ปลด-สร้าง

• ที่ประชุมบอร์ดไตรภาคียังไม่ได้ข้อสรุปขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศในการประชุมวานนี้ หลังได้รับข้อมูลจำนวนมาก โดยจะมีการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 23 ธ.ค. นี้

กลยุทธ์การลงทุน


ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน โดยมีแนวรับที่บริเวณ 1440-1450 จุด ทั้งนี้ Upside ของตลาดคาดจะอยู่ที่มาตรการแก้หนี้ครัวเรือนและช่วยเหลือเกษตรกรของไทย รวมทั้งเงินเฟ้อของสหรัฐ  โดยปัจจัยในประเทศยังค่อนข้างจำกัด แต่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐและจีน รวมทั้งท่าทีของ ECB น่าจะมีผลต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยในระยะถัดไป โดยตลาดคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐจะมีแนวโน้มทรงตัว ส่วนการประชุมนโยบายการเงินของ ECB คาดจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily top picks

ADVANC : มองเป็นหนึ่งในหุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการเป็นเป้าหมายสะสมของกองทุนต่างๆ ในช่วงปลายปีและยังได้ประโยชน์จากการควบรมกิจการในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้น YoY แรงหนุนจากการแข่งขันทางด้านราคาที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้ง Valuation ในแง่ EV/EBITDA ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับภูมิภาค

CPAXT : 4Q67 คาดกำไรจะเป็นจุดสูงสุดของปีนี้ โดยจะเพิ่มขึ้น YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และ QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ปี 2567 คาดกำไรเติบโต 24.6%YoY และจะเติบโตต่อดีที่สุดในกลุ่ม 19%YoY ในปี 2568 (เทียบกับกลุ่มเติบโตเฉลี่ย 15%YoY) ทั้งนี้หลังควบรวมกิจการคาด Synergy จะเริ่มมีให้เห็นใน 4Q67 และชัดเจนมากขึ้นในปี 2568-2570

You can share this post!