สมูทอี เผยภาพรวมตลาดสกินแคร์หลังวิกฤติโควิด-19 โตต่อเนื่องปีละ 2 Digit ระบุเทรนด์ตลาดเวชสำอางในปี 68 ยังแข่งเดือด ไม่หวั่นสินค้าอินเตอร์แบรนด์เข้าตีตลาด มั่นใจยังเป็นผู้นำตลาด ผู้บริโภคมีความรู้-เข้าใจมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1,000 ล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดเวชสำอาง เพิ่มเป็น 9.7% ประกาศแผนปีงูเล็กทุ่มงบ 200 ล้านบาท พลิกโฉมแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบกว่า 3 ทศวรรษ ชูจุดยืน “อ่อนโยน…มีประสิทธิภาพเห็นผล” เพื่อผิวสวยสุขภาพดีอย่างแท้จริง ตอกย้ำการเป็นผู้นำเวชสำอางจากธรรมชาติที่ผู้บริโภคไว้วางใจมากกว่า 30 ปี เดินหน้าเปิดตัวพอร์ตนวัตกรรมสกินแคร์เพื่อผิวบอบบางสวยสุขภาพดีครบวงจรใน 3 สเต็ปง่าย ๆล้าง บำรุง และปกป้อง ประเดิมส่ง สมูทอี ซัน แอสตาแซนธิน เซรั่มกันแดดเจนใหม่ที่ผสานคุณค่าจากวิตามินแอสตาแซนธิน ไม่ใช่แค่กันแดดแต่ยังสามารถต้านอนุมูลอิสระจากแดดครั้งแรกในเมืองไทยวางตลาดในเดือนมกราคมนี้ พร้อมเปิดตัว“หลิง-ออม” นิวเฟซออฟสมูทอีคู่ใหม่สร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมตลอดปีมัดใจผู้บริโภคทุกเจนตั้งแต่ Gen X, Gen Y และขยายฐานสู่ Gen Z
นายธนชัย ชัยกิตติวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ "สมูทอี“ เปิดเผย ถึงภาพรวมตลาดสกินแคร์ในประเทศไทย ว่า หลังวิกฤติ โควิด-19 ตลาดดังกล่าวมีอัตราการเติบโตมากปีละ 2 Digit โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดรวมเครื่องสำอางมีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท หรือเติบโต 12% ขนะที่ตลาดเวชสำอาง มีมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% โดยสมูทอี มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 9% โดยในปี 2567 ที่ผ่านมามีรายได้ประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายผ่านช่องทาง Online สัดส่วน 30 และช่องทางOffline สัดส่วน 70% คิดเป็นอัตราการเติบโต 17% ซึ่งในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นที่ 19%
สำหรับเทรนด์ตลาดเวชสำอางในปี 2568 มองว่าการแข่งขันยังมีสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นำเข้าจากอินเตอร์แบรนด์ ที่ปัจจุบันมีนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในสัดส่วนประมาณ 20% และอีก 80% จะเป็นสินค้าจากผู้ผลิตแบรนด์ไทย ซึ่งสมูทอีก็ยังมีความมั่นใจว่า ยังเป็นผู้นำตลาดเวชสำอางแบรนด์สินค้าไทย เพราะปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยมีความรู้มากขึ้น ว่าสกินแคร์แบรนด์ไทยนั้นก็ผลิตได้มาตรฐานสากล สามารถเข้าใจปัญหาสภาพผิวของคนไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถแข่งขันกับอินเตอร์แบรนด์ได้อย่างแน่นอน และราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า 30-50% โดยในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดเวชสำอาง เพิ่มเป็น 9.7%
ทั้งนี้จากการสำรวจทัศนคติและการใช้งานสกินแคร์ของผู้บริโภคชาวไทย พบว่า ผู้บริโภคไทยกว่า 40% มีผิวที่บอบบาง ดังนั้นผู้บริโภคไม่ได้มีความต้องการเพียงแต่ผลิตภัณฑ์ที่บรรเทาอาการแพ้ แต่ยังต้องการมีผิวสวยสุขภาพดีอย่างแท้จริง นอกจากนี้ เทรนด์การใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ตลอดจนการแชร์ความรู้โดยแพทย์ผิวหนัง และคลินิกเสริมความงาม จึงมีการเติบโตสูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ที่ผ่านมา“สมูทอี” ถือเป็น Medical Skincare หรือแบรนด์เวชสำอางที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า 30 ปี ผลิตภัณฑ์สมูทอีวางจำหน่ายในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในปีค.ศ 1991 หรือกว่า 33 ปีมาแล้ว มีนวัตกรรมที่ช่วยให้ผิวคนไทยสวยสุขภาพดีอย่างแท้จริง เช่น โฟมไม่มีฟอง ครีมลดรอยแผลเป็น กันแดดไร้เคมี เราเข้าใจดีว่า ความต้องการของ ผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ใจร้อนอยากเห็นผลไวจนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง สมูทอีจึงไม่หยุดนิ่งในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ เห็นผลจริง อ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว ล่าสุดได้เปิดตัวนวัตกรรม เวชสำอางสมูทอี เพื่อผิวบอบบาง 3 สเต็ป ภายใต้จุดยืน “อ่อนโยน…มีประสิทธิภาพเห็นผล” ซึ่งเป็นสิ่งที่สมูทอียึดมั่นมาโดยตลอด โดยการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมโดยกลุ่มทีมงานเภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและยาของสมูทอี มีแพทย์ผู้เป็นเชี่ยวชาญเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนานวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่อยากมีผิวสวยสุขภาพอย่างปลอดภัย ปัจจุบันจำหน่ายสินค้าใน 3 กลุ่มหลัก รวมกว่า 300 SKU (Stock Keeping Unit ) คือ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสิว สัดส่วน 30% 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาด สัดส่วน 50% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ลบรอยแผลเป็น สัดส่วน 20%
“สมูทอีเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่ง สร้างความคึกคักให้กับตลาดผลิตภัณฑ์เวชสำอาง หรือ เดอร์มาสกินแคร์ในประเทศไทยที่มีมูลค่า 15,522 ล้านบาทและเติบโต 15% ในปีที่แล้วและในปีนี้เราได้เปิดเกมรุก 3 กลยุทธ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุก Generation จึงได้จัดสรรงบประมาณ 200 ล้านบาท เดินหน้า 3 กลยุทธ์หลักรุกตลาดเวชสำอาง โดยกลยุทธ์แรก เรามุ่ง เปิดตัวจุดยืนใหม่ “อ่อนโยน…มีประสิทธิภาพเห็นผล” ด้วยการนำเอาความเชี่ยวชาญของสมูทอีกว่า 30 ปีมาสร้างสรรค์นวัตกรรมสกินแคร์ที่เป็น The Right Solutions อ่อนโยนแต่เห็นผลจริงพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคไทยที่มีผิวบอบบางทุกเจนอย่างลงตัว เรามั่นใจว่า นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่อยากจะสวยสุขภาพดีอย่างยั่งยืน โดยสมูทอียังคงรักษามาตรฐาน ‘อ่อนโยน…มีประสิทธิภาพเห็นผล’ ซึ่งเป็นจุดยืนของสมูทอีการเปิดตัว นิวเฟซออฟสมูทอี ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ จะทำให้สมูทอีครองใจผู้บริโภคที่มีผิวบอบบางในวงกว้าง และก้าวสู่การเป็นผู้นำในตลาดเมดิคอล สกินแคร์ในประเทศไทยได้สำเร็จ”นายธนชัย กล่าว
ด้าน เภสัชกรศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า เนื่องจากเทรนด์ในการดูแลผิวที่เรียกว่า เอสเซนเชียลแคร์เป็นการดูแลที่มุ่งเน้นจุดที่สำคัญ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดูแลผิว สมูทอีจึงเร่งเครื่องกลยุทธ์ที่ 2 นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อผิวบอบบางครบจบใน 3 สเต็ป ล้าง บำรุง และปกป้อง ภายใต้แนวคิด “อ่อนโยนมีประสิทธิภาพ…เห็นผล” เพื่อผิวสวยสุขภาพดี โดยในวันนี้ ได้เปิดตัวนวัตกรรมตัวแรก “สมูทอี ซัน แอสตาแซนธิน” นวัตกรรมเซรั่มกันแดดเจนใหม่บางเบา ล็อกผิวเด็ก มีส่วนผสมของแอสตาแซนธินครั้งแรกในประเทศไทย
“สมูทอี ซัน แอสตาแซนธิน” มีประสิทธิภาพเหนือกว่าเซรั่มกันแดดทั่วไป เนื่องจากไม่ใช่แค่เพียงกันแดด แต่ยังสามารถต้านอนุมูลอิสระจากแดด โดยมีสารสำคัญของแอสตาแซนธิน สารสกัดจากสาหร่ายสีแดงที่ได้รับการยกย่องว่า เป็น King of Antioxidation ช่วยต้านอนุมูลอิสระออกฤทธิ์ได้ดีกว่า Vit C ถึง 6,000 เท่า พร้อมส่วนผสมสำคัญไบโอเรตินอล กลูตาไธโอน ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ เหมาะสำหรับใช้ทุกวันและในหน้าร้อน โดยเริ่มจำหน่ายในขนาด 15 มิลลิลิตร(มล.) ราคา 600 บาท, ขนาด 30 มล. ราคา 1,200 บาท ในเดือนมกราคม 2568 นี้ ในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ
นอกจากการเปิดตัวสมูทอี ซัน แอสตาแซนธิน นี้ สมูทอี ยังมุ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์เอสเซนเชียลแคร์ในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ยังมีแผนขนทัพนวัตกรรม “สมูท อี นัน ไอออนนิก พีเอช ไฟว์ นิวเจน” โฟมล้างหน้าสูตรไม่มีฟองใหม่ แต่มีส่วนผสมที่ได้รับการพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า ช่วยลดริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใส และคุมมันได้ดี พร้อมทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งตอบสนองเทรนด์ของผู้บริโภคที่นิยมใช้เซรั่ม เพื่อเร่งผลลัพธ์ให้ผิวสุขภาพดี สมูทจึงได้เปิดตัว “สมูทอี คลินิกคัล เซรั่ม” ตอกย้ำจุดยืน “อ่อนโยน…มีประสิทธิภาพเห็นผล” มี 4 สูตร ได้แก่สูตรลดรอยสิว สูตรผิวกระจ่างใส สูตรลดริ้วรอย และสูตรเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผู้บริโภคดูแลผิวหน้าได้ง่าย ๆ ที่บ้านใน 3 สเต็ป ล้าง บำรุง และปกป้องนอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์สมูทอีทั้ง 3 กลุ่มยังเป็นบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100%ตอกย้ำนโยบายด้านความยั่งยืนของสมูทอี
นอกจากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์แล้ว เรายังมุ่งเดินหน้ากลยุทธ์ที่ 3 สร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค ด้วยการดึง“หลิงหลิง-ศิริลักษณ์ คอง” และ “ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” 2 นักแสดงสาวดาวรุ่งมาเป็น “นิวเฟซ ออฟสมูทอี” เนื่องจากหลิงหลิง เป็นผู้ที่มีเสน่ห์และมั่นใจ ส่วนออม มีความอ่อนโยนและสนุกสนาน ดังนั้น หลิง-ออม จึงเป็นคู่ดาราที่สะท้อนจุดยืน “อ่อนโยน…มีประสิทธิภาพเห็นผล” ของสมูทอีได้อย่างลงตัว โดยประเดิมด้วยกิจกรรมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Meet TheNew Face of Smooth E เมื่อเย็นวันที่ 8 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ณ วัน แบงค็อก พร้อมทั้งจะจัดกิจกรรมการตลาดร่วมกับหลิง-ออม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคทุกกลุ่มตลอดทั้งปี
“หลิง-ออม ประเดิมงานแรกด้วยสื่อโฆษณาที่โดนใจ ถ่ายทอดอินไซต์ของผู้บริโภคที่มีผิวบอบบาง ด้วยข้อความว่า ‘เพราะผิวหน้า ไม่ใช่สนามทดลอง ลองจนเจ็บแต่ไม่จบ สมูทอี เจ็บแค่ไหน…จบที่เธอ อ่อนโยน…เห็นผล’ ตอกย้ำ 30ปีความไว้วางใจ เวชสำอางสำหรับผิวบอบบาง เชิญชวนให้คนรุ่นใหม่มาดูแลผิวบอบบางง่ายๆ ใน 3 สเต็ปกับสมูทอี ด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ล้างหน้า บำรุง และปกป้องผิวหน้า
นอกจากนี้ สมูทอียังกิจกรรมพิเศษกับการเปิดตัว Pre Valentines Gift Set ปล่อยในงานครั้งนี้ ครั้งแรกของการคอลแลปส์ของสมูทอีกับแบรนด์ AlwaysWonder และ Keepsilent ของหลิง-ออม กับกิ๊ฟเซทสุดพิเศษต้อนรับเทศกาลแห่งความรัก เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่นให้เลือกใน 2 รูปแบบเพื่อให้ลูกค้าได้สะสมในราคา 2,500 บาท พร้อมกิจกรรมในงาน อาทิ โฟโต้บูทตรวจสภาพผิวหน้า แจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง โดยสามารถซื้อเซทได้ทาง Line @smoothe_thailandตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กิ๊ฟเซทมีจำนวนจำกัด หรือจนกว่าของจะหมด”เภสัชกรศุภาพิชญ์ กล่าว
เภสัชกรศุภาพิชญ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ยังได้สานต่อการทำจัดกิจกรรม Mobile Clinic ตรวจสภาพผิวและให้คำแนะนำในการดูแลผิวแก่ผู้บริโภคทั่วประเทศเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น สมูทอี กำลังทำโปรเจคพิเศษร่วมกับแพทย์ผิวหนังระดับประเทศในการเปิดคลินิกความงาม สมูทอี ที่พิเศษกว่าคลินิกอื่นๆ อย่างแน่นอน ซึ่งจะมีอัปเดตในเร็วๆ นี้