news-details
Business

SET กังวลนโยบายรัฐบาล Trump 2.0

InnovestX คาดตลาดหุ้นไทยผันผวน กังวลนโยบายด้านการค้ารัฐบาล Trump 2.0 ติดตามพิธีสาบานตนปธน. ของทรัมป์ มองแนวรับอยู่ที่ 1,330 และ 1,325 จุด


บล.อินโนเวสท์เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้(20ม.ค.) คาด SET เคลื่อนไหวผันผวนก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งปธน. ของทรัมป์ ซึ่งตลาดมีความกังวลต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล Trump 2.0 โดยเฉพาะนโยบายด้านการค้า เป็นปัจจัยกดดันตลาด โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,330 และ 1,325 จุด ตามลำดับ เป็นจุดลุ้นฟื้นตัว ด้านตลาดที่ขาดปัจจัยหนุน ทำให้กรอบบนถูกจำกัดบริเวณแนวต้าน 1,350-1,360 จุด

ประเด็นสำคัญ


• คลังเร่งแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจก.ล.ต. ลงดาบบจ. สร้างความโปร่งใสในตลาดทุน ที่ผ่านมาเห็นปัญหาแต่เข้าจัดการไม่ได้เพราะกฎหมายไม่รองรับ ระบุตลาดหุ้นขาลงไม่เหมาะออกกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)

• ททท. คาดช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 1.35 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5%YoY และมีรายได้ราว 3.4 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 7%YoY ส่วนใหญ่คาดเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนและนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน เช่น มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

• กกพ. เปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมจาก SPP และ VSPP เฉพาะกับผู้ที่มีสัญญาซื้อขายเดิมอยู่แล้วเป็นเวลา 2 ปีถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2569 โดยรับซื้อพลังงานโซลาร์ 1 บาท/หน่วย, ลม 0.50 บาท/หน่วย และชีวมวล, ก๊าซชีวภาพ และขยะ 2.20 บาท/หน่วย

• สภาพัฒน์ฯ แนะนำรัฐบาลสร้างกลไกป้องสหรัฐฯ กีดกันการค้าไทย หลังพบบริษัทจีนจากสิงคโปร์มียอดขอส่งเสริมการลงทุนในไทยสูง และอาจถูกเพ่งเล็งมากขึ้น เสนอส่งเสริมบริษัทไทยเข้าถือหุ้นร่วมด้วย

• รมว. คลังสหรัฐฯ เผยหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ จะถึงเพดานที่กำหนดไว้ในวันอังคารที่จะถึงนี้ (21 ม.ค.) และจะเริ่มใช้มาตรการพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงการกู้ยืมเกินเพดานและความเสี่ยงที่จะเกิดการผิดนัดชำระหนี้

• WSJ รายงานว่าคณะทำงานของปธน. ทรัมป์มีแผนจะเริ่มปฏิบัติการตรวจคนเข้าเมืองครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ โดยจะเริ่มในนครชิคาโกในวันที่ 21 ม.ค. หรือ 1 วันถัดจากวันพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง

• IMF คาดปี 2568 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.3% จากเดิมที่คาดการณ์ ที่ 3.2%, เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ 2.2% และเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.6% จากเดิมคาดการณ์ที่ 4.5%

กลยุทธ์การลงทุน

ช่วงสั้นมอง SET มีแนวโน้มฟื้นตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1400 จุด ทั้งนี้แม้มองปัจจัยภายนอกจากภาพเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ยมีท่าทีดีขึ้น รวมถึงผลประกอบการ 4Q67 ของ บจ. ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มออกมาแข็งแกร่ง และท่าทีของว่าที่ ปธน. สหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่อการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังทำให้ตลาดคลายกังวลได้ในระดับนึง แต่อย่างไรก็ดี ปัจจัยภายในประเทศ (นอกเหนือจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ) ยังมีแนวโน้มเปราะบางจากการขาดความเชื่อมั่นด้านการลงทุน ทำให้ตลาดหุ้นไทยอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าตลาดหุ้นในต่างประเทศ อีกทั้งกระแสเงินของนักลงทุนต่างชาติยังไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อหุ้นไทยอย่างมีนัยฯ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

Daily top picks

KTB: มองเป็นหุ้นปันผลสูงซึ่งสามารถสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนภายใต้ภาวะตลาดหุ้นไทยที่ยังรอคอยปัจจัยชี้นำใหม่ๆ โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2567 หุ้นละ 1.06 บาท (จ่ายปีละครั้ง) คิดเป็น Div. Yield สูงปีละ 4.9% ขณะที่ 4Q67 คาดกำไรจะเติบโต 50%YoY สูงสุดในกลุ่มธนาคาร

CPALL: 4Q67 คาดจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ โดยเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากเข้าสู่ High Season และยอดขายสาขาเดิมยังเติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้งมาร์จิ้นยังกว้างขึ้นต่อเนื่องจากกมียอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลและการปรับลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside ให้กับประมาณการ

You can share this post!