“แอสเซทไวส์” เผยภาพรวมอสังหาฯอาจชะลอตัวในบางทำเล แนะภาครัฐเพิ่มมาตรการหนุนคนไทยมีที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ส่วนบ้านเพื่อคนไทยเป็นนโยบายที่ดี แต่ไม่สามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกปี 2568 มีความท้าทายจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ยังคงมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงที่ช่วยกระตุ้นการผลิตการลงทุน ไปจนถึงเทรนด์รักสุขภาพและ Aging Society ทำให้ธุรกิจ Health & Wellness เติบโต ประกาศแผนปีงูเล็ก ผุด 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท ขยายพอร์ตภูเก็ตรุกตลาดวิลล่าหรูครั้งแรก ทั้งลงทุนธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ ทั้งเอนเตอร์เทนเมนต์-คอมมูนิตี้มอลล์-Health & Wellness เดินหน้า ESG จับมือพันธมิตรดูแลการศึกษาเยาวชน พร้อมเปิดตัวพรีเซนเตอร์ “โต๋-ไบรท์” ถ่ายทอดตัวตนแบรนด์ส่งมอบความสุข ตอกย้ำแนวคิด We Build Happiness ตั้งเป้ายอดขายรวม 19,500 ล้านบาท และเป้ารายได้ 10,500 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2568 มองว่าที่อยู่อาศัยยังเป็นปัจจัย4 ที่สำคัญ แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ ผู้บริโภคอาจจะซื้อที่อยู่อาศัยช้าลงในบางทำเล แต่บางทำเลซัปพลายขาดแคลน ดังนั้นการพัฒนาโครงการต้องมีความเข้าใจตลาดอย่างถ่องแท้ ปัจจัยบวก ปัจจัยลบ หนี้ครัวเรือน ต้องได้รับการแก้ไข ภาครัฐต้องให้ความช่วยเหลือ เพื่อช่วยเหลือให้คนมีบ้านเป็นของตนเองได้มากขึ้น ส่วนบ้านเพื่อคนไทย ก็น่าส่งเสริมเพราะทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทำเลที่ดี และดีไซน์ดี แต่คนละกลุ่มของบริษัทฯ แต่ไม่สามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ เนื่องจากเป็นที่ดินของภาครัฐ ส่วนบริษัทฯก็พัฒนาโครงการที่ถนัดมาโดยตลอด โดยเฉพาะคอนโดฯโลว์ไรส์กระจายตามชุมชม ทำให้มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2568 มีความท้าทายจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ยังคงมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงที่ช่วยกระตุ้นการผลิตการลงทุน ไปจนถึงเทรนด์รักสุขภาพและ Aging Society ทำให้ธุรกิจ Health & Wellness เติบโตขึ้น สำหรับประเทศไทยเองได้รับแรงสนับสนุนจากภาคการส่งออกที่ส่งสัญญาณดีขึ้น การเข้ามาลงทุน Data Center ของบริษัทระดับโลก ซึ่งจะทำให้เกิดการจ้างงานทั้งคนในประเทศและ Expats ขณะที่ภาคการท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของคนในประเทศและกระตุ้นแรงซื้อจากชาวต่างชาติ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม และปีนี้จะเป็นปีที่ดีของผู้บริโภคที่ผู้ประกอบการจะนำโครงการมาจัดโปรโมชันมาก ทำให้กำลังซื้อมีทางเลือกที่มากขึ้น ขณะเดียวกันที่ดินก็ยังมีจำกัดในการพัฒนาโครงการใหม่” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
สำหรับแผนปี 2568 แอสเซทไวส์เดินหน้าพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างเต็มกำลังบน Strategic Location ทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูเก็ต ครอบคลุมหลากหลายเซกเมนต์ โดยวางแผนเปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยกว่าปี 2567 ซึ่งมี 2 โครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมากจากปีที่ผ่านมา แต่ถ้าหากสภาวะตลาดฟื้นตัวดีขึ้น บริษัทฯก็พร้อมที่จะเพิ่มโครงการใหม่ เนื่องจากยังมีที่ดินรองรับในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการพัฒนาในพื้นที่กรุงเทพฯ 5 โครงการ มูลค่า 9,800 ล้านบาท และภูเก็ต 5 โครงการ มูลค่า 12,200 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่ารวม 20,500 ล้านบาท ผ่านแบรนด์หลักอย่าง KAVE, ATMOZ และ MODIZ พร้อมสานต่อความสำเร็จของโครงการ Leisure Residences ในภูเก็ตแบรนด์ THE TITLE ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ในเครือแอสเซทไวส์ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท ทั้งเตรียมขยายแบรนด์ THE TITLE สู่โครงการ Luxury Villa เป็นครั้งแรกอีก 2 โครงการบนทำเลหาดในยางและเชิงทะเล
ด้านตลาดคอนโดฯรอบมหาวิทยาลัย มองว่าทำเลรอบมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังมียอดขายที่ดีที่สุด จากทำเลรอบมหาวิทยาลัยอื่นๆที่พัฒนามา ซึ่งพัฒนามาแล้ว 16 โครงการ รอบ 9 มหาวิทยาลัย ได้แก่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ,มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต,มหาวิทยาลัยมหิดล ,มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน,มหาวิทยาลัยศิลปากร นครปฐม,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี,สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง,มหาวิทยาลัยรังสิต และมหาวิทยาลัยราชมงคลธัญบุรี ซึ่งในปี 2568 จะมีเพิ่มใกล้มหาวิทยาลัยเกริก และโรงเรียนบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) โดยทำเลรอบมหาวิทยาลัยกรุงเทพ จะได้รับการตอบรับสูงสุด มีผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 7-8%
นอกจากนี้บริษัทยังขยายโอกาสทางธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) โดยเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจเนอเรชันผ่านบริษัทย่อยในเครือ เริ่มจากธุรกิจ Health & Wellness ผ่าน WHB ให้บริการ Rocket Fitness ฟิตเนสทางเลือกใหม่ในราคาและทำเลเข้าถึงง่าย และ Vitala คลินิกกายภาพบำบัดและฟื้นฟูร่างกาย มีแผนขยายสาขาต่อเนื่อง ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์ ผ่าน ZAAP World ในการจัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ต่างๆ โดยในปีที่ผ่านมาได้จัดคอนเสิร์ตและอีเวนต์ไปแล้วกว่า 40 งาน อาทิ SangSom MOONLAB งานอาร์ตแลนด์มาร์กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปี, SkyTrain Music Fest เทศกาลดนตรีบนรถไฟฟ้าครั้งเเรกในเอเชีย เป็นต้น ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์และรีเทล ผ่าน Treasure M โดยพัฒนา Mingle Mall แหล่งไลฟ์สไตล์ที่รวมร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์กีฬาในร่ม ซึ่งล่าสุดเปิด “Mingle Naiyang” จ.ภูเก็ต
พร้อมกันนี้ แอสเซทไวส์ยังมุ่งสร้างความสุขอย่างยั่งยืนให้กับสังคม ลูกค้า และ Stakeholder ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม นำแนวคิด GrowGreen มาปฏิบัติจริงในองค์กร โครงการที่อยู่อาศัย และขยายผลสู่ชุมชนต่างๆ ด้านสังคม ร่วมกับมูลนิธิก้าวคนละก้าว ซึ่งมีตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย เป็นประธานมูลนิธิฯ โดยสนับสนุนเงินจำนวน 10 ล้านบาท ให้กับโครงการ “ก้าวเพื่อน้องปีที่ 5” ช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ไปจนถึงยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านโครงการ PUNN by AssetWise ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับบริจาคของมือสองสภาพดีเพื่อนำไปหารายได้มอบเป็นทุนการศึกษา และด้านบรรษัทภิบาล มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ทำให้บริษัทติดอันดับหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ในระดับ AA
นายกรมเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในโอกาสพิเศษนี้บริษัทยังเปิดตัวพรีเซนเตอร์ “โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” และ “ไบรท์-พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ” คู่รักนักเปียโนและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ที่มีคาแรคเตอร์สมาร์ท อบอุ่น ที่สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กลุ่มคนทุกเจเนอเรชัน มาร่วมสะท้อนตัวตนของแบรนด์แอสเซทไวส์ และถ่ายทอดแนวคิด “การสร้างความสุข ให้ทุกจังหวะของชีวิต” ที่ตั้งใจส่งมอบความสุขผ่านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพแบรนด์ต่างๆ ในเครือ โดยเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา AssetWise 20 years of Happiness ผ่านโซเชียลมีเดียครั้งแรกในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 นี้ สามารถรับชมได้ทาง Facebook Page: AssetWise และ YouTube: AssetWise
ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 20 แอสเซทไวส์มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง ผ่านแผนธุรกิจ “Growing Success, Growing Happiness” เพื่อส่งมอบความสุขให้กับผู้บริโภคผ่านโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ซึ่งเป็นการเดินหน้าต่ออย่างมั่นคงจากปี 2567 ที่ สูงเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ และเติบโตขึ้นกว่า 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป้าหมายยอดขายและรายได้ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 19,500 ล้านบาท จากปี 2567 ที่บริษัทสามารถทำยอดขายได้ถึง 19,330 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้ 10,500 ล้านบาท เติบโต 20% ถือว่าเป็นปีแรกที่มีรายได้เกิน 10,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน แอสเซทไวส์ยังมีโครงการสร้างเสร็จใหม่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2568 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่ารวม 14,050 ล้านบาท และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) สิ้นปี 2567 มูลค่ารวมกว่า 25,200 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นโครงการในกรุงเทพฯ ปริมณฑล จำนวน 12,600 ล้านบาท โครงการในทำเลเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) จำนวน 2,700 ล้านบาท และโครงการในภูเก็ตอีกกว่า 9,900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้สร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2570