news-details
Business

คาด SET ฟื้นจำกัด ติดตามถ้อยแถลงเฟด

InnovestX คาด SET ฟื้นจำกัด ติดตามถ้อยแถลงเฟด

 

บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ ( 11 ก.พ.) คาด SET ยังได้รับปัจจัยกดดันหลักจากความกังวลสงครามการค้า ขณะที่พรุ่งนี้ตลาดปิดทำการ แต่มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงประธานเฟดต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ในคืนนี้ และอัตราเงินเฟ้อสหรัฐญ ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมีผลต่อทิศทางดอกเบี้ยเฟด ทำให้มองกรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1,280-1,290 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,250-1,260 จุด

 

ประเด็นสำคัญ

 

• ปธน. ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม 25% กับทุกประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น และเตรียมจะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ภายในอีก 2 วัน

 

 

 

• ปธน. ทรัมป์กำลังสะสางการชำระหนี้ของคลังซึ่งสงสัยว่าอาจมีปัญหาแอบแฝง เช่น เบาะแสทุจริตและการใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง และคาดว่ายอดหนี้สาธารณะอาจไม่สูงถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 120% ของ GDP

 

 

• คณะกรรมการน้ำมันปาล์มมาเลเซียเผยการผลิตในประเทศยังแข็งแกร่ง แม้ช่วงที่ผ่านมาจะประสบอุทกภัย และประเมินอุปสงค์ในตลาดสำคัญ เช่นอินเดียและจีน ยังอยู่ในระดับที่มั่นคง ส่วนอุปสงค์ในยุโรปยังทรงตัวจากการชะลอ EUDR ทำให้ไม่จำเป็นต้องรีบสต็อกสินค้า

 

 

• รมว. คลังเผยจะเข้าหารือกับหอการค้าอเมริกันในไทย ซึ่งเผยว่ามีความเป็นห่วงในเรื่องภาษี, พลังงาน เป็นต้น รวมถึงข้อเสนอนำเข้าสินค้าอเมริกาเพิ่มขึ้นซึ่งต้องพิจารณาว่าจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าใดได้บ้าง

 

 

• ตลท. ยอมรับตลาดหุ้นไทยผันผวนและถูกกดดันจาก Sentiment ต่างประเทศและแรงขาย LTF และจะเข้าหารือรมว. คลังถึงแผนกระตุ้นตลาดหุ้นไทย โดยเสนอปรับเงื่อนไขกองทุนรวม ThaiESG ให้เหมือนกองทุน LTF ในอดิต เนื่องจากเม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าสู่ตราสารหนี้

 

 

• สนค. แนะใช้ Green Bond ซึ่งมีโอกาสเติบโตสูงเป็นทางเลือกระดมทุนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

 

• รมว. คลังเผยว่าได้ส่งชื่อนายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดคลัง เพื่อเป็นประธานบอร์ด ธปท. แก่คกก. พิจารณาคัดเลือกแล้ว คาดใน มี.ค. นี้จะมีการตั้งคกก. คัดเลือกผู้ว่าฯ ธปท. แทนคนปัจจุบันที่จะหมดวาระใน ก.ย.

 

 

กลยุทธ์การลงทุน

 

ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสฟื้นตัวแต่ Upside จำกัด โดยมีแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 1,320 จุด โดยแม้ปัจจัยต่างประเทศจะมีแรงหนุนจากการคลายความกังวลเรื่องสงครามการค้าระยะสั้นและผลประกอบการนอกกลุ่มการเงินของ บจ. สหรัฐฯ ที่คาดยังออกมาแข็งแกร่ง แต่ในประเทศยังขาดปัจจัยบวกใหม่กระตุ้นบรรยากาศลงทุน โดยคาดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยัง Underperform ตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

 

Daily top picks

 

PTTEP: มองราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นระยะสั้นหลังสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบอิหร่าน จะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น แม้คาดกำไรปี 2568 จะอ่อนแอลง YoY แต่ยังมีงบดุลที่แข็งแกร่ง (มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนน้อยกว่า 0.3 เท่า) และเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากกรณีกังวลความไม่สงบในตะวันออกกลาง  

 

 

AMATA: ปี 2567 ทำยอดขายที่ดิน New High กว่า 3,018 ไร่ เติบโต 63%YoY และคาดจะเป็นปัจจัยหนุนให้กำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 2,769 ลบ. เติบโต 47%YoY โดยคาด 4Q67 กำไรสุทธิจะเติบโตโดดเด่น 91%YoY และ 71%QoQ ขณะที่ Backlog ในมือที่สูงที่สุดที่ 21,000 ลบ. จะช่วยหนุนการเติบโตปี 2568-2569 ได้ดีอย่างต่อเนื่อง

You can share this post!