กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยล่าสุดได้เปิดใช้งานทางหลวงหมายเลข 4056 สายนราธิวาส – อำเภอสุไหงโกลก ตอนบ้านโคกตา – บ้านกือบงกาแม จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นโครงการขยายถนนจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร รวมระยะทาง 11.5 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการคมนาคม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ และรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย
ยกระดับโครงข่ายถนน รองรับปริมาณจราจรที่เพิ่มขึ้น
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง
“ทางหลวงหมายเลข 4056 เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมโยงจังหวัดนราธิวาสกับอำเภอสุไหงโกลก ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนสำคัญไปยังมาเลเซีย ปัจจุบันมีปริมาณจราจรเฉลี่ย 6,000 คันต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงดำเนินการขยายช่องจราจรเพื่อรองรับการเดินทางที่สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น” นายอภิรัฐกล่าว
เส้นทางดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นที่กิโลเมตรที่ 15+600 ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 53+238 รวมระยะทาง 37.638 กิโลเมตร โดยในเฟสล่าสุด กรมทางหลวงได้ดำเนินการก่อสร้างช่วงกิโลเมตรที่ 36+275 - 47+775 ระยะทาง 11.5 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอสุไหงปาดีและอำเภอสุไหงโกลก
มาตรฐานทางหลวง 4 ช่องจราจร เสริมความปลอดภัย
โครงการนี้เป็นการยกระดับทางหลวงให้เป็น 4 ช่องจราจร พร้อมเกาะกลางแบบยกและแบริเออร์คอนกรีต เพื่อแบ่งทิศทางการเดินรถ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ผิวจราจรเป็นแอสฟัลต์คอนกรีต มีไหล่ทางกว้าง 2.5 เมตร พร้อมติดตั้งป้ายจราจร ไฟส่องสว่าง และสิ่งอำนวยความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ถนนสามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจ
สำหรับโครงการนี้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 518,426,789 บาท ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้น และเปิดให้ประชาชนใช้สัญจรได้แล้ว
หนุนเศรษฐกิจชายแดน กระตุ้นการค้าการท่องเที่ยว
การเปิดใช้งานถนน 4 ช่องจราจรสายนี้ นอกจากจะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและเพิ่มความปลอดภัยแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะภาคการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว
สุไหงโกลกเป็นหนึ่งในจุดผ่านแดนที่สำคัญของภาคใต้ เชื่อมโยงเศรษฐกิจไทย-มาเลเซีย นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านด่านสุไหงโกลกเป็นจำนวนมาก เพื่อจับจ่ายซื้อสินค้า ท่องเที่ยว และใช้บริการด้านสุขภาพ การมีถนนที่มีคุณภาพสูงขึ้นจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง กระตุ้นการใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับท้องถิ่น
“การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่เดินทางสะดวกขึ้น แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งการค้าชายแดน การขนส่งสินค้า และการท่องเที่ยว ซึ่งล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคใต้” นายอภิรัฐกล่าว
ก้าวต่อไปของการพัฒนาโครงข่ายถนนชายแดนใต้
กรมทางหลวงยังมีแผนพัฒนาถนนในพื้นที่ชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นการขยายเส้นทางหลักที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ และเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมและเศรษฐกิจของภูมิภาค
การพัฒนาทางหลวงหมายเลข 4056 จึงถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของพื้นที่ชายแดน และสร้างความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
