ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.5% ซึ่งเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและป้องกันการชะลอตัวของตลาดแรงงานในสหรัฐ การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงมาอยู่ในช่วง 4.75%-5% ถือเป็นการลดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2551
เฟดมุ่งมั่นคุมเงินเฟ้อ-ป้องกันภาวะชะลอตัว
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ยังมีการปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ โดยลดการเติบโตของ GDP สหรัฐในปี 2567 เหลือ 2% และปรับเพิ่มการคาดการณ์อัตราการว่างงานเป็น 4.4% จาก 4%
ส่งผลอย่างไรต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจ
การปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคและภาคธุรกิจ ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับสินเชื่อบ้าน รถยนต์ และบัตรเครดิตอาจปรับลดลง ช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการใช้จ่ายและลงทุน ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้
แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567-2570
เฟดยังส่งสัญญาณถึงการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 0.5% ภายในปีนี้ พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐในช่วงปี 2567-2570 ลง โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของ GDP จะอยู่ที่ 2% ต่อปี ขณะเดียวกันอัตราการว่างงานจะอยู่ในระดับ 4.4%-4.2% ในช่วงเวลาดังกล่าว
การประกาศลดดอกเบี้ยของเฟดสะท้อนถึงความพยายามในการรักษาสมดุลของตลาดการเงินและแรงงาน ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสที่ 3 จะขยายตัวได้ราว 3%
