InnovestX ประเมินหุ้นไทยไปต่อ ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และเฟดส่อลดดอก 0.5% หนุน fund flow ไหลกลับ มอง SET แนวต้านถัดไปที่ 1,480 -1,488 จุด
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวชั่นเอ็กซ์ ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (11 ต.ค.) คาดดัชนีกลับมาปรับขึ้น และคาดมีความต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนคาดหวังจากมาตรการด้านการคลังของจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในวันเสาร์นี้ และเงินเฟ้อสหรัฐที่สูงกว่าคาด หนุนความหวังเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% ส่งผลดอลลาร์อ่อน ทำให้ fund flow มีโอกาสไหลกลับเข้ามา โดย SET มีแนวต้านถัดไปที่ 1,480 และ 1,488 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,450-1,460 จุด คาดยังเป็นจุดรองรับได้
ประเด็นสำคัญ
• คณะรัฐมนตรีความมั่นคงของอิสราเอลจัดประชุมเมื่อวานนี้เพื่อลงมติแผนการตอบโต้อิหร่าน ส่วนทำเนียบขาวเผย ปธน. สหรัฐฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกฯ อิสราเอลเกี่ยวกับแนวทางการตอบโต้อิหร่าน
• รายงานระบุว่าเฮอริเคนมิลตันพัดผ่านรัฐฟลอริดาทำให้สถานีบริการน้ำมันประมาณ 1 ใน 4 ได้จำหน่ายน้ำมันจนหมด และบ้านเรือนและธุรกิจต่างๆ กว่า 3.4 ล้านแห่งเผชิญปัญหาไฟฟ้าดับ
• สหรัฐฯ เผยดัชนี Headline CPI ก.ย. ปรับขึ้น 2.4%YoY และดัชนี Core CPI ก.ย. ปรับขึ้น 3.3%YoY สูงกว่าตลาดคาด ส่วนตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับขึ้น 33,000 ราย สู่ระดับ 258,000 ราย สูงสุดนับตั้งแต่ 5 ส.ค.66 และสูงกว่าตลาดคาด
• ม. หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.ย. สู่ 55.3 ลดลงต่อเป็นเดือนที่ 7 และต่ำสุดในรอบ 14 เดือน เหตุประชาชนยังห่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาน้ำท่วม ราคาพลังงานเพิ่ม เศรษฐกิจโลกชะลอ สงครามยืดเยื้อ ขณะที่มาตรการดิจิทัลวอลเล็ตเฟสแรกไม่เข้าเป้า
• ก.ล.ต. เพิ่มโทษหนัก Naked Short Selling ถือเป็นความผิดระดับรุนแรง บทระวางโทษใหม่ปรับ 3 เท่าของกำไร ที่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ชี้โทษสูงสุดอาจถูกปรับมากถึง 10 ล้านบาท คาดบังคับใช้เร็วๆ นี้
• WorldBank ลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเหลือ 2.4% จากเดิมที่ 2.8% กดดันจากตลาดอสังหาฯ ที่อ่อนแอ ความเชื่อมั่นการบริโภคต่ำ และความท้าทายของการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ส่วนปีหน้าคาด 3.0%
• “ไทย-กัมพูชา” เปิดเจรจาพื้นที่ทับซ้อนรอบใหม่ นายกฯ ชี้เป็นนโยบายเร่งด่วน เผยแนวคิดเจรจาเชฟรอนผู้รับสัมปทานเดิม 5 แปลง หาทางออกสิทธิสำรวจและผลิตพลังงาน หวัง ครม. เร่งตั้งทีมเจรจาชุดใหม่
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัว Sideway โดยมี Upside จำกัดเนื่องจากในประเทศขาดปัจจัยหนุนใหม่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเรื่องทิศทางดอกเบี้ยของ ธปท. และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งอาจถูกหักล้างด้วยความผันผวนของค่าเงินบาทในระยะสั้น อีกทั้งตลาดหุ้นทั่วโลกยังอยู่ในภาวะ Risk-off หลังกังวลความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง จึงทำให้ Fund Flow ยังมีแนวโน้มไหลออกจากตลาดหุ้นไทย ขณะที่ปัจจัยภายนอกมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะไม่ส่งผลต่อตลาดการเงินมากนัก โดยคาดทิศทางดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”
Top Picks
BCH: 3Q67 คาดกำไรเติบโต QoQ และ YoY แรงหนุนจากเข้าสู่ High Season, การเปิดศูนย์การแพทย์เพิ่ม การปรับปรุงรพ. แล้วเสร็จ และการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ รพ. ใหม่ ส่วน Valuation ไม่แพง โดยเทรดที่ PER 2568F ระดับ 21 เท่า (-2SD) ขณะที่ปี 2567-69 คาดกำไรปกติจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 13% แข็งแกร่งสุดในกลุ่ม รพ. ที่มีการให้บริการแก่กลุ่มประกันสังคม
CPALL: 3Q67 คาดกำไรปกติจะเติบโต 39%YoY ดีสุดในกลุ่มพาณิชย์ แรงหนุนจากยอดขายและมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากธุรกิจ CVS และ CPAXT ส่วน 4Q67 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2567 จากเข้าสู่ High Season ขณะที่มาตรการกระตุ้น ศก. ของรัฐบาลและแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยจะเพิ่ม Upside อีกทั้ง valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PER 2567F ที่ 25 เท่า (-2SD)
